เอกชนขีดเส้นจัดการเลือกตั้งภายใน มี.ค.62 ชี้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน

เอกชนขีดเส้นจัดการเลือกตั้งภายใน มี.ค.62 ชี้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ภาคธุรกิจมองว่าการเลือกตั้งเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งการเลื่อนเลือกตั้งของรัฐบาลออกไป ทำให้นักลงทุนยอมรับว่ามีผลต่อความเชื่อมั่น และไม่ควรเลื่อนไปเกินเดือนมีนาคม หากเลื่อนนานเกินไปไม่ดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งไม่สามารถบอกได้เลยว่าถ้าสูญเสียไปแล้วจะเสียหายต่อเศรษฐกิจเเค่ไหน

การเลือกตั้งออกไป ไม่ใช่วันที่ 24 ก.พ.2562  จากการสำรวจความเห็น ของสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน พบว่า นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 27 บริษัท ส่วนใหญ่ 62.96% ที่มองว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์  รองลงมา 33.33% คาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช่วงมีนาคม -พฤษภาคม  และ3.70% คาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น มิถุนายน-สิงหาคม 2562

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ระบุว่า หากเลื่อนเลือกตั้งไม่เกิน 1-3 เดือน เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย แต่หากเลื่อนออกไปนานกว่า 3 -6 เดือน คาดว่าจะมีผลกระทบ และปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยใหม่

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center (EIC) หรือศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มองว่า รัฐบาล ต้องอธิบายเหตุผลและความจำเป็นต่อประชาชน และนักลงทุนต่างชาติให้เกิดความชัดเจน ว่าจะมีการเลือกตั้งวันไหน

ซึ่งการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใส และรัฐบาลใหม่ เป็นที่ยอมรับจากประชาชนอย่างแท้จริง จึงจะสามารถสร้างความเชื่อมั่น และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคาร ปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปีนี้ จาก 4% เหลือ 3.8% และการส่งออก จาก 7% เหลือ 3.4% จากภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันชะลอตัว

ประกอบกับ ราคาสินค้าเกษตร อาจยังตกต่ำต่อเนื่อง กระทบความเชื่อมั่นการบริโภค และต้องพึ่งพาการลงทุนภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งต้องจับตาโครงการที่คาดว่าจะมีการประมูลและเริ่มก่อสร้าง ในปีนี้ ไม่น้อยกว่า 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเม็ดเงินลงทุนที่จะเกิดขึ้นประมาณ 950 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน การเลื่อนวันเลือกตั้ง จากกำหนดเดิม ทำให้ผู้บริหาร EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ เชื่อว่า อาจมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ครั้งที่ 2 ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จากเดือนมีนาคม เป็น ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี

ด้านนางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ไม่ต้องการให้รัฐเลื่อนการเลือกตั้งนานจนเกินไป หรือ อย่างช้า ไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ เพราะห่วงว่าจะกระทบต่อการผลักดันและลงนามข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA เพื่อสนับสนุนการส่งออกปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ที่ 8%

สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ประมาณการณ์ส่งออกปีนี้ อาจขยายตัวเพียง 5% เนื่องจากแรงกดดันจากสงครามการค้า ราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และมีแนวโน้มแข็งค้า ที่ 31.88- 32 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ

พร้อมเสนอให้ รัฐบาล อาศัยความได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรีกับตลาดใหม่ อย่างแอฟริกา ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ขยายปริมาณการส่งออกสินค้าอาหาร รวมทั้ ส่งเสริมการค้า ในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง หรือ CLMV เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง