
ประเด็นคือ- เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ แนะให้เกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวในหลายพื้นที่ อย่าเร่งนำข้าวสดที่มีความชื้นสูงออกขายพร้อมกัน เกรงล้นตลาดและถูกกดราคาจากกลุ่มพ่อค้า ควรตากให้แห้งและเก็บไว้เพื่อชะลอราคาข้าวสูงขึ้น พร้อมเตือนระวังกลุ่มพ่อค้าเร่ที่มีกลโกงไปหลอกซื้อข้าวในราคาที่สูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 พ.ย. 60) นายนวนิตย์ พลเคน เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดว่า ขอให้เกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ ไม่ควรเร่งนำข้าวเกี่ยวสดมีความชื้นสูง ออกไปจำหน่วยให้กับพ่อค้าคนกลางหรือท่าข้าว เพราะอาจจะทำให้ข้าวล้นตลาด ถูกกดราคาจากพ่อค้าได้

ซึ่งช่วงต้นฤดูราคาข้าวสดในท้องตลาดจะมีราคาต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 8–9 บาท และข้าวตากแห้งกิโลกรัมละ 10–11 บาทเท่านั้น หากเกษตรกรตากข้าวให้แห้งแล้วเก็บไว้ หรือชะลอการขาย เชื่อว่าในไม่ช้า ราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดก็จะสูงขึ้นกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
ประกอบกับปีนี้ผลผลิตข้าวของเกษตรกรในจังหวัด มีปริมาณลดลงกว่าปีที่ผ่านมา 20 เปอร์เซ็นต์ จากที่ก่อนหน้านี้มีผลผลิตข้าวมากกว่า 1,200,000 ตัน โดยสาเหตุเนื่องจากปีนี้นาข้าวของเกษตรกรในช่วงต้นฤดูประสบปัญหาภัยแล้ง พอปลายฤดูข้าว เกษตรกรประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้นาข้าวของเกษตรกรเสียหายไม่ได้ผลผลิตเท่าที่ควร

พร้อมกันนี้เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ยังได้แจ้งเตือนเกษตรกรให้ระมัดระวังกลุ่มพ่อค้าเร่ ที่จะเข้ามาหลอกลวงซื้อข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ โดยใช้วิธีหว่านล้อมรับซื้อข้าวของเกษตรกรในราคาที่สูงเกินความเป็นจริงหรือสูงกว่าท้องตลาด เพื่อจูงใจให้เกษตรกรหลงเชื่อ ขายผลผลิตให้ จากนั้นอาจจะใช้วิธีโกงตาชั่งหรือจ่ายเงินไม่ครบตามจำนวน แล้วหลบหนีไป
ซึ่งพฤติกรรมของมิจฉาชีพดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับเกษตรกรในหลายพื้นที่เป็นประจำทุกปี จึงเตือนให้เกษตรกรเฝ้าระมัดระวังหรือหากพบเห็นผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เกษตร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ใกล้บ้าน เพื่อจะได้เร่งดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป










