ข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทย ที่ให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมทางการเงินหน้าเคาน์เตอร์ และกดเงินสดจากเครื่องเอทีเอ็ม ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า ต้องพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างเท่าเทียม และทั่วถึง
วันนี้ (7ธ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวคิดการเก็บค่าธรรมเนียมบริการ ถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม และการทำธุรกรรมหน้าเคาท์เตอร์ แม้จะเป็นธนาคารเดียวกัน เพื่อเร่งรัดสู่สังคมไร้เงินสด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า แนวคิดนี้ ยังไม่ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย จึงยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบลูกค้า โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด, ผลกระทบ และประโยชน์ ให้ครอบคลุมทุกฝ่าย
ซึ่งแนวทางดำเนินการ อาจออกมาในลักษณะประกาศหลักเกณฑ์ และอัตราค่าธรรมเนียมกลาง คล้ายประกาศค่าธรรมเนียมพร้อมเพย์ แต่ในทางปฏิบัติ ธนาคารแต่ละแห่ง ยังสามารถแข่งขันกันได้ พร้อมย้ำว่า หลักเกณฑ์ที่ออกมา จะเป็นประโยชน์กับประเทศในระยะยาว
ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ยอมรับว่า รายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร ลดลงไปมาก จากการแข่งขันยกเว้นค่าธรรมเนียมจ่าย-เติม-โอนเงิน
จึงต้องพิจารณาหารายได้ค่าธรรมเนียมส่วนอื่นมาชดเชย ส่วนแนวคิดการทำตู้เอทีเอ็มสีขาว เพื่อลดต้นทุนบริหารเงินสดตู้เอทีเอ็มของธนาคาร ถูกชะลอออกไป เพราะกระทบรายได้ธนาคาร อีกทั้งธนาคาร หันมาแข่งขันด้านโมบายแบงก์กิ้งเป็นหลัก
ขณะที่ นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลโดยตรงจากสมาคมธนาคารไทย แต่ทราบว่า มีการหารือกันภายในสมาคมฯ
และยืนยันว่า เรื่องนี้ สมาคมธนาคารไทย ต้องเสนอให้ ธปท.พิจารณาก่อน โดย ธปท.จะพิจารณาถึงความพร้อมของบริการการเงิน ทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค รวมถึงโอกาสของการเข้าถึงการบริการทางการเงินของประชาชน ที่ต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง
ดังนั้น การดำเนินการเรื่องนี้ ธปท.ยืนยัน ต้องประเมินผลกระทบให้รอบคอบ เพราะธนาคารต้องมีทางเลือกในการใช้บริการสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีด้วย
