ประเด็นคือ – นายกรัฐมนตรี กำชับกระทรวงการคลังให้ความรู้ ในการลงทุนเงินสกุลดิจิทัล หรือ บิตคอยน์ ขณะที่แบงก์ชาติ เตือนประชาชนระวังปัจจัยเสี่ยง หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถเรียกร้องได้ เพราะไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี “ด้านเศรษฐกิจ” โดยให้กระทรวงการคลัง เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนแก่นักลงทุน และ ประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ ให้ถูกต้องทั่วถึง โดยจะต้องชี้แจง เน้นย้ำให้ทราบถึงข้อควรระวัง และ ปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเงินสกุลดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย เพื่อให้นักลงทุน และ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และ มีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
ทวิตเตอร์ ของแบงก์ชาติ ก็มีคำเตือนออกมาในวันนี้ (14 ธ.ค.60) ว่า ธนาคารกลางหลายประเทศเตือนประชาชนให้ระวังปัจจัยเสี่ยงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือ Crypto Currencies หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถเรียกร้องได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
ธนาคารกลางหลายประเทศเตือนประชาชนให้ระวังปัจจัยเสี่ยงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือ Crypto Currencies
หากเกิดความเสียหายจะไม่สามารถเรียกร้องได้ เพราะยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองนะครับ #แบงก์ชาติ pic.twitter.com/qfbyvrCvMd— Bank of Thailand (@bankofthailand) 14 ธันวาคม 2560
สำหรับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล หรือ บิตคอยน์ เป็นเงินตราอิเล็กทรอนิกส์ มีหน่วยเป็น BTC สร้างขึ้นเมื่อปี 2552 เพื่อใช้แลกเปลี่ยน ซื้อสินค้า และ บริการในออนไลน์ ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ ไม่ยอมรับเงินสกุลดิจิทัล โดยถือว่า ธุรกรรมใดๆ ที่ใช้เงินบิตคอยน์ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถชำระหนี้ตามกฎหมายไทยได้
“บิตคอยน์” เพิ่งทำสถิติทะลุหน่วยละ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 533,767 บาท) ในสัปดาห์นี้ หรือ เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่าในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลว่า จะเกิดวิตกเรื่องฟองสบู่แตกหรือไม่
ขณะที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศมีผู้คนนิยมลงทุนและใช้เงินบิตคอยน์อย่างมากในขณะนี้ ได้แถลงการณ์เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ว่า กำลังพิจารณาจะเก็บภาษีกำไร จากการค้าสกุลเงินบิตคอยน์ และ จะห้ามผู้ยังไม่บรรลุนิตาภาวะ และไม่ เปิดบัญชีในตลาดค้าสกุลเงินเสมือนจริงนี้
