แล้งหนัก! ทำราคาข้าวเปลือกพุ่งตันละ 1.7 หมื่นบาท ชาวบ้านแห่นำขายโรงสี

แล้งหนัก! ทำราคาข้าวเปลือกพุ่งตันละ 1.7 หมื่นบาท ชาวบ้านแห่นำขายโรงสี

ชาวนา จ.บุรีรัมย์ แห่นำข้าวเปลือกขายโรงสี หลังราคารับซื้อข้าวเปลือกสูงเป็นประวัติการณ์ ตันละ 17,000 บาท เหตุแล้งหนักผลผลิตเสียหายลดต่ำมากกว่าครึ่ง เกษตรกรโอด ราคาดีแต่ไม่มีข้าวขาย

วันที่ 4 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาจากหลายพื้นที่ใน อ.สตึก อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ และ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ได้นำข้าวเปลือกทั้งที่เกี่ยวสด และข้าวเปลือกที่ตากแห้งแล้ว บรรทุกใส่รถกระบะและรถหกล้อมารอขายที่ โรงสีสหพัฒนาค้าข้าว ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ อย่างต่อเนื่อง หลังจากปีนี้ทางโรงสีได้เปิดรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถึงกิโลกรัมละ 17 บาท หรือตันละ 17,000 บาท ปรับขึ้นลงตามเปอร์เซ็นต์ต้นข้าว

โดยสาเหตุที่ปีนี้โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูง เนื่องจากนาข้าวส่วนใหญ่ในหลายอำเภอของ จ.บุรีรัมย์ ประสบปัญหาภัยแล้งและภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ข้าวยืนต้นตายเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้คาดว่าผลผลิตจะลดลงมากกว่าครึ่ง จึงทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม เกษตรกรหลายคนต่างโอดครวญว่า ถึงแม้ปีนี้ทางโรงสีจะรับซื้อข้าวเปลือกในราคาสูง แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ไม่มีผลผลิตไปจำหน่าย เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วงแห้งตาย จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งด้วย

ด้าน นายสมเดช นามพันธ์ ชาวนา อ.ชุมพลบุรี และ นายจันทา มาขุมเหล็ก ชาวนา อ.สตึก ที่นำข้าวมาขายที่โรงสี บอกว่า ถึงแม้ปีนี้ราคาข้าวเปลือกจะสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา สูงถึง กก. ละ 17 บาท แต่ปีนี้กลับได้ผลผลิตน้อยไม่ถึงครึ่งของปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะฝนทิ้งช่วง ทำให้ต้นข้าวแห้งตายเสียหาย บางส่วนหญ้าขึ้นปกคลุมทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่ถึงครึ่งของพื้นที่เพาะปลูก ทำให้เสียโอกาสแทนที่จะมีรายได้จากการขายข้าวได้เต็มที่ หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือชดเชยนาข้าวที่เสียหายด้วย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง