ไทยติดอันดับ 22 โลกปลอดภัยไซเบอร์-รัฐทุ่ม 350 ล้านเร่งผลิตคนรับมือ

ไทยติดอันดับ 22 โลกปลอดภัยไซเบอร์-รัฐทุ่ม 350 ล้านเร่งผลิตคนรับมือ

รัฐทุ่มงบประมาณ 350 ล้านบาท ผลิตคน เพื่อรับมือไซเบอร์ในอนาคตระยะเร่งด่วน 1,000 คน หลังการเป็นประธานประชุม “คณะกรรมการเตรียมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ” นัดแรกเมื่อวานนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม เพื่อเตรียมการด้านการพัฒนาและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงเตรียมแผนปฏิบัติ และมาตรการตอบสนองตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง

โดยที่ประชุมเห็นชอบ แนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระยะเร่งด่วน โดยตั้งเป้าหมาย จะพัฒนาและผลิตบุคลากร 1,000 คน และประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาบุคลากร โดยใช้งบประมาณ 350 ล้านบาท จากกองทุนดิจิทัล

นอกจากนี้ ได้เห็นชอบแนวทางการกำหนด โครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศไว้ 6 กลุ่ม ได้แก่

  1. กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐ
  2. กลุ่มการเงิน
  3. กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมง
  4. กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์
  5. กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคและกลุ่มสาธารณสุข

รวมถึง การตั้งศูนย์ ไซเบอร์ ซีเคียวริตี เอเจซี่ ทำหน้าที่ประสานและเผชิญเหตุด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามร่าง พ.ร.บ.ไซเบอร์ ที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาเร็ว ๆ นี้ และการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียนญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งศูนย์ไซเบอร์ โดยจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับดัชนีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศนั้น ในปี 2560 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ได้ทำการสำรวจระดับความเอาจริงเอาจัง (Commitment) ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของแต่ละประเทศ โดยพิจารณาจากมาตรการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมาย (Legal) ด้านเทคนิค (Technical) ด้านหน่วยงาน/นโยบาย (Organizational) ด้านการพัฒนาศักยภาพ (Capacity building) และด้านความร่วมมือ (Cooperation)

พบว่า Global Cybersecurity Index (GCI) ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 22 จาก 194 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนแล้ว ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันขับเคลื่อนให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 20 อันดับแรกของประเทศที่มีความพร้อมต่อไป

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง