
ประเด็นคือ- ที่บริเวณท่าเทียบเรือ จุดผ่อนปรนชั่วคราว บ้านเขาฝาชี ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง ได้มีประชาชนชาว อ.ละอุ่น และชาวเมียนมาจากบ้านมะลิวัลย์ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา ได้มารวมตัวกัน เพื่อคัดค้านทางการไทย หลังมีข่าวลือว่า ทางการไทยจะทำการปิดจุดผ่อนปรนชั่วคราว เนื่องจากปัญหาการลักลอบขนสินค้าจากไทยสู่เมียนมา และจากเมียนมาสู่ไทย โดยไม่ผ่านด่านศุลกากร ซึ่งหลายครั้งมีการนำเข้าเกินกว่าที่ทางภาครัฐอนุญาต
นายสิทธุ์ พันธุรัตน์ ชาวบ้านรายหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนชาวไทยและขอเป็นตัวแทนให้กับชาวเมียนมา กล่าวว่า ในพื้นที่จุดผ่อนปรนนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศมีความเข้าใจกันเป็นอย่างดี ชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศไปมาหาสู่ ค้าขายกันเหมือนญาติพี่น้อง ไทยนำสินค้าออก เมียนมานำสินค้าเข้า ทำให้เศรษฐกิจระดับชาวบ้านเดินควบคู่ไปด้วยกันได้

แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่ภาครัฐบางหน่วยจากตัวเมืองระนอง เข้ามาบอกว่าจะทำการจับกุมสินค้าเข้า-ออกที่ไม่ผ่านพิธีศุลกากรในบริเวณจุดผ่อนปรนดังกล่าว และหากว่าไม่ได้รับความร่วมมือ ทางหน่วยงานดังกล่าว จะทำเรื่องเสนอให้ปิดจุดผ่อนปรนในเร็วๆ นี้ จึงทำให้ชาวบ้านทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา เกิดความวิตกว่าจะเป็นการทำลายการวิถีชีวิตดั้งเดิม ซึ่งเราไม่ได้ค้าขายใหญ่โต ค้าขายเพียงเล็กๆ น้อยๆ เพื่อพออยู่พอกิน เราจึงต้องมารวมตัวเพื่อคัดค้าน แต่ยังไม่ได้คำตอบแต่อย่างใด

ด้านนายคณนาถ คะชะนา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.ละอุ่น กล่าวว่า หลังทราบเรื่องได้รายงานให้ทางอำเภอและจังหวัดทราบเรื่องแล้ว จากนั้นจึงเดินทางมาหาข้อมูลในพื้นที่จากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวบ้าน ทหาร ตชด. ตำรวจ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ จนทราบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากหน่วยงานแห่งหนึ่งใน จ.ระนอง จะมีการออกจับกุมสินค้าชายแดนที่ชาวบ้านซื้อขายกัน โดยอ้างว่าไม่ผ่านด่านศุลกากร หากไม่อยากถูกจับกุมให้นำสินค้าทั้งหมดไปขึ้นที่ตัวเมืองระนอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เนื่องจากระยะทางทะเลที่ต้องขนส่งไกลขึ้น และต้องเดินทางต่อบนบกด้วยรถโดยสารหรือรถอื่นๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง สินค้าที่นำมาซื้อขายส่วนใหญ่เป็นสินค้าพื้นบ้าน เมียนมาขายไทย ไทยก็ขายเมียนมา เงินหมุนเวียนในชุมชน แต่หน่วยงานดังกล่าวต้องการให้ไปขึ้นที่จุดผ่านแดนถาวรซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ หลังจากนี้จะร่วมกับหน่วยงานข้างต้น รวมถึงประชาชนให้ทำเรื่องถึงจังหวัด เพื่อให้พิจารณาถึงหลักความจริง ไม่ใช่มากลั่นแกล้งกันเพื่อหวังเพียงผลประโยชน์










