
ชาวเชียงใหม่ชูดอยหลวงเชียงดาวโมเดล เดินหน้าทำป่าเปียก สร้างความชุ่มชื้นให้พื้นที่แก้ปัญหาไฟป่าอย่างยั่งยืน ขณะสถานการณ์มลพิษหมอกควันเริ่มคลี่คลายค่าพีเอ็ม 2.5 ลดทุกสถานี
วันที่ 9 เม.ย. 2562 วานนี้นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืนโดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการทำป่าเปียก ที่ พล.ต.บัญชา ดุริยะพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้เสนอให้ใช้ดอยหลวงเชียงดาว เป็นโมเดลในการทำป่าเปียก ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้แต่ละอำเภอเสนอพื้นที่ดำเนินการทำป่าเปียก เพื่อสร้างสมดุลไม่ให้เกิดไฟป่าขึ้นอีก

นายศุภชัย กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางของกองทัพภาคที่ 3 ที่อยากเห็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือกัน โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าปีนี้ดอยหลวงเชียงดาวเกิดไฟป่ารุนแรง จึงต้องหาแนวทางป้องกันซึ่งแนวทางที่จะดำเนินการ คือ การทำป่าเปียกในพื้นที่ดอยหลวงเชียงใหม่ และเพื่อให้เกิดความชัดเจนได้มอบหมายให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ชลประทาน เข้าไปสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำป่าเปียก

ภารกิจนี้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 เมษายน จากนั้นจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมทุกภาคี เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันอีกครั้ง เมื่อประชุมหารือกันจนได้ข้อสรุปแผนงานแนวทาง และงบประมาณ ก็จะเริ่มดำเนินการทันที เพื่อป้องกันปัญหาหรือลดปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้งเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการดูแลพื้นที่ในอนาคต

ส่วนสถานการณ์มลพิษหมอกควันในวันนี้ภาพรวมสภาพอากาศดีขึ้น โดยค่า PM 2.5 ลดลง ท้องฟ้าเริ่มปลอดโปร่ง แม้ว่าจะมีบางจุดที่ยังต้องเฝ้าระวังเพราะยังมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากช่วงเช้ายังหนาวเย็นทำให้มีอากาศกดลงมา ก่อนที่ตอนเที่ยงจะลอยตัว ซึ่งเราเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอดเพราะฝนยังไม่ตก ในขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงรายงานว่า ความชื้นลดลง การขึ้นปฏิบัติการจึงทำได้เพียงทำให้เมฆก่อตัว เราก็ต้องทำงานกันต่อเนื่องและเต็มที่ต่อไป เพื่อลดการเผาป่าให้ได้ ลดฝุ่นละอองให้ผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้

เมื่อถามว่าอีก 1 วันจะครบ 7 วัน ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว นายศุภชัย กล่าวว่า จากวันที่นายกรัฐมนตรีมาจุดความร้อน 478 จุด ปัจจุบันลดลงเรื่อยๆ วันนี้พบ 46 จุด ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าเข้าถึงยาก ที่ต้องจับตาและน่าห่วงคือ อ.แม่ริม ซึ่งวันนี้พบ 5 จุด เป็นลักษณะกลุ่มก้อนเดียวกัน แม้จะผ่านพ้น 7 วันไปแล้ว วันนี้ถือว่ายังไม่พอใจ ก็จะทำงานอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นต่อไปอีก 15 วัน เป็นอย่างน้อยเพื่อรักษาพื้นที่ให้ได้ โดยจะต้องทำให้ความเข้มข้นของอากาศลดลงเป็นสีเขียวให้ได้ กำลังจะทุ่มเทเต็มที่เพราะความแล้งมีจำนวนมากและยังไม่มีฝน เราจะพยายามคืนอากาศที่ดีกลับคืนให้ชาวเชียงใหม่ให้เร็วที่สุด

ด้านศูนย์ควบคุมหมอกควันและไฟป่า 9 จังหวัดเหนือ รายงาน การตรวจพบจุดความร้อน Hotspot จำนวน 305 จุด ณ วันที่ 8 เมษายน 2562 เวลา 01.23 น. ว่า จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ซึ่งได้แจงให้ทราบเมื่อเวลา 07.30 ทางเว็ปไซด์ Gistda พบจุดความร้อนในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน จำนวน 94 จุด, เชียงราย จำนวน 52 จุด, ลำปาง จำนวน 49 จุด, เชียงใหม่ จำนวน 46 จุด, ตาก จำนวน 21 จุด, น่าน จำนวน 18 จุด, พะเยา จำนวน 16 จุด, แพร่ จำนวน 8 จุด และลำพูน จำนวน 1 จุด

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/nikom.putta
ส่วนบรรยากาศภายในพื้นที่เซฟตี้โซน ภายในอาคารเอสเอ็มอี ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนและหลบเลี่ยงมลพิษหมอกควัน ยังคงมีประชาชนทยอยมาใช้บริการต่อเนื่อง โดยก่อนเข้าใช้บริการจะต้องลงทะเบียนเพื่อกรองข้อมูล และคัดกรอง สำหรับพื้นที่ภายในเซฟตี้โซน นอกจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย ทั้งเครื่องดื่ม ขนม ที่นอน ยังมีพื้นที่สันทนาการ สอนตัดตุง และพื้นที่สำหรับเด็กๆเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย









