มือปราบจำนำข้าว ก้าวเข้ามาทำหน้าที่ในสภาสูง และจะมีส่วนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย ที่คาดว่า จะรู้ผลภายในเดือนพฤษภาคมนี้
สองอดีตข้าราชการที่มีส่วนสำคัญในคดีโครงการรับจำนำข้าว คือ นายจิรชัย มูลทองโร่ย อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว และ นางดวงพร รอดพยาธิ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ดูแลเรื่องการระบายข้าวที่ค้างในสต๊อก เข้ารายงานตัวเป็น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แล้ว ในวันที่ 15 พ.ค. 2562
ทั้งสองให้โอกาสทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้สอบถามถึงการทำหน้าที่ ส.ว. กับภารกิจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง คือ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30

(นายจริชัย มูลทองโร่ย ส.ว.)
นายจิรชัย มูลทองโร่ย กล่าวว่า ไม่ได้กดดันอะไรกับการมาทำหน้าที่ ส่วนที่ ส.ว. ต้องโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยนั้น “หน้าที่ไหนให้ทำ ก็ทำตามหน้าที่ที่ระบุไว้”
สำหรับคำถามที่ว่าในการโหวตเลือกนายกฯ จะเลือกใคร? นายจิรชัย ตอบว่า ถามว่าวันนี้ยังไม่ตอบอะไรทั้งนั้นแหล่ะ มันต้องเป็นไปตามวาระตามระเบียบกฎหมายโดยหลัก ส่วนจะหนึ่ง สอง ใครหรือไม่ เมื่อเข้าไปอยู่ในเวทีในวาระก็พิจารณาไปตามนั้น
“ขณะนี้ผมมั่นใจว่า แต่ละท่านจะมีแนวคิดของตัวเองเมื่อศึกษามาดีแล้ว แต่ผมเพิ่งมากรอกข้อความ และ เพิ่งจะเคยเป็น”
แล้วกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับ ส.ว. ชุดนี้ค่อนข้างเยอะ นายจิรชัย มองว่า เป็นไปตามความคิดของแต่ละคน ส่วนที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว “ก็เป็นงานในหน้าที่”
ปิดท้ายด้วยว่า อย่างนี้จะไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยหรือไม่ นายจิรชัย ย้ำว่า ดูตามวาระก่อน ตอนนี้ยังคุยหนึ่ง สอง อะไรยังไม่ได้ทั้งนั้น

(นางดวงพร รอดพยาธิ์ ส.ว.)
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ดูแลเรื่องการระบายข้าวที่ค้างในสต๊อก ระบุว่า ไม่มีความกดดันในการทำหน้าที่เช่นกัน เพราะมีข้อกฎหมาย หลักการชัดเจน รัฐธรรมนูญก็เคยไว้ชัดเจนอยู่
เมื่อถามถึงคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่จะโหวตให้
“ก็ต้องไปดูนะ ขณะนี้ในแง่ของสถานการณ์ต่างๆ ส.ว.ทุกท่านก็ต้องไปดู









