ศบค.เปิดเผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 ชายไทย อายุ 72 ปี ที่เดินทางไปโรงพยาบาล-ร้านอาหาร-ร้านตัดผม

วันที่ 30 เม.ย.
รับยาเคมี บำบัดที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง
วันที่ 7 พ.ค.
ไปทำ bone scan ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่สอง
วันที่ 8 พ.ค.
-ไปรับผล bone scan ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่สอง
-นำผลไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่หนึ่ง (ใช้เวลา 5 นาที)
วันที่ 12 พ.ค.
ไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่หนึ่ง(ใช้เวลา 10 นาที)
วันที่ 14 พ.ค.
ไปทำ CT ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่หนึ่ง (แผนกไอแมค) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
สวมหน้ากากอนามัย ยกเว้นช่วงดื่ม contrast ประมาณ 5 นาที
วันที่ 15 พ.ค.
ไปตลาดแห่งหนึ่ง ในจ.นนทบุรี
วันที่ 16 พ.ค.
ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่หนึ่ง ช่วงเช้า
วันที่ 17 พ.ค.
เริ่มมีอาการหนาวสั่น อ่อนเพลีย *เริ่มมีการใช้ลงทะเบียนแพลตฟอร์มไทยชนะ
วันที่ 18 พ.ค.
-ช่วงเช้าตรวจรับยา โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่หนึ่ง
-รับประทานอาหารร้านแห่งหนึ่ง
-ไปร้านตัดผม ย่านประชาชื่น
-ช่วงบ่ายเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่หนึ่ง
-เวลา 23.30 น. เริ่มมีอาการไข้ หนาวสั่น ไอ เรียกรถพยาบาล โรงพยาบาลเอกชน
แห่งที่สองรับที่บ้าน
วันที่ 20 พ.ค.
ย้ายไปรับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์จักรีนฤบดินทร์
ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. ระบุว่า การสอบสวนโรคจึงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ หาคนที่ติดมา และหาคนที่มีโอกาสจะติดต่อ โดยร้านตัดผมที่ผู้ป่วยไปได้ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนด โดยมีลูกค้าเข้ารับบริการมากสุด 3 คน ไม่มีการให้ลูกค้านั่งรอในร้าน และผู้ป่วยอาจจะยังไม่แพร่เชื้อไปยังลูกค้าอื่นๆ
ส่วนร้านอาหารที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการเช่นกัน มีการจัดที่นั่งเว้นระยะห่างตามรัฐกำหนดอย่างน้อย 1 เมตร ซึ่งให้ความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าจะไม่ติดเชื้อ แต่ทางร้านก็มีการกักตัวพนักงาน 14 วันเพื่อเฝ้าระวังโรคด้วย
“กรณีนี้เป็นเคสที่เกิดในช่วงการผ่อนปรนระยะที่ 2 เนื่องวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่ใช้แฟลตฟอร์มไทยชนะ และ 2 ร้านก็ยังไม่เข้าระบบนี้ และคนที่เข้าไปก็ยังไม่ได้สแกนคิวอาร์โค้ด ถ้ามีระบบง่ายขึ้น ไม่ต้องไปสอบสวนย้อนหลัง”
ส่วนคนที่มีความเสี่ยงกับเคสนี้ให้มาตรวจฟรี เป็นเฉพาะ ร้านตัดผม ร้านอาหาร หรือคนที่ไปโรงพยาบาลด้วย ต้องเปิดเผยรายชื่อหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันว่าเปิดเผยรายชื่อโรงพยาบาลหรือไม่ แต่เข้าใจว่าโซเชียลออกไปกันมากพอสมควร สามารถดูได้ในหลายที่ ก็เป็นโรงพยาบาลรัฐที่มีชื่อเสียง สังกัดกองทัพบกด้วย
“วันนี้ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมาบอกว่าเขาจะอย่าในไทม์ไลน์นี้หรือไม่ ถ้าสังสัยว่าจะเกี่ยวข้องให้ไปรับตรวจเชื้อได้ฟรี เพื่อให้มันใจระบบควบคุมโรคที่ดี”
ทั้งนี้ ถ้าใครมีความสงสัยต้องการไปตรวจจะเกี่ยวโยงหรือไม่เกี่ยวโยงก็ไปตรวจ ภาครัฐต้องการให้บริการอย่างเต็มที่ เพื่อดึงคนมีความสงสัยเข้ามามากที่สุด โดยตอนนี้มีการตรวจไปแล้ว 375,453 ตัวอย่าง
ส่วนกรณีการเสียชีวิตระหว่างกักตัวเองที่ จ.บุรีรัมย์ว่าติดเชื้อหรือไม่ ขณะนี้ประสานไปยังกรมควบคุมโรค โดยกองโรคติดต่อทั่วไปและกองระบาดวิทยา นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตอนนี้ผลยังไม่ชัดเจน เท่าที่ทราบยังไม่มีผลยืนยันว่าเป็นบวก แต่มาตรการเข้าไปอาจเห็นแต่งชุดเต็มที่ เพราะเป็นการป้องกัน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่ากังวลหรือน่ากลัว อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนโรค ขอให้รอทำงานเพื่อให้มั่นใจก่อนที่จะตอบอะไรออกไป
“สัปดาห์นี้เข้าสู่การเตรียมเพื่อประกาศผ่อนปรนระยะที่ 3 จะผ่านไปได้ดี ไม่ได้ดีก็ขึ้นกับช่วงเวลาที่เหลืออีก 1 สัปดาห์ อยากให้ทำอย่างที่เคยทำมามีศูนย์หลายๆ วัน เพราะเราใส่หน้ากากตลอดเวลา ล้างมือ เว้นระยะห่าง เป็นสิ่งที่ป้องกันพวกเราได้ดี”









