มีใครเคยคุ้นหูกับเพลงที่ร้องว่า ‘รอพี่ก่อนได้ไหม จะรีบหาเงินให้ใช้ เอาไปผ่อนรถ ตู้เย็น รถไฟ
เครื่องบินให้เธอทั้งปี ตอนนี้ไม่พอใช้ มากัดก้อนเกลือก่อนไหม’
นี่คือบางท่อนของเพลง ‘รอพี่ก่อนได้ไหม’ ของศิลปิน วง SHADE
หรือจะเป็นเพลง ‘กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม’ ที่ร้องว่า
‘หรือว่าความรักยิ่งใหญ่กว่าเงินในกระเป๋า ไม่เคยคิดเลยว่าดอกเบี้ยบานในธนาคารเท่าไหร่ ถ้าเงินไม่มีสักบาท จะแต่งกันไหมกับรักที่ทรหดเกินไป กับคนๆ หนึ่ง’
เนื้อเพลงเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนบ่นระอา สะท้อนไปยังชีวิตคู่ที่ต้องรอก่อนนะกำลังหาเงินอยู่ถึงจะลงเอยกันได้
เนื้อเพลงแนวนี้เอาเข้าจริงก็มีชื่อเรียกว่า ‘Recession Pop’ เพลงป๊อปในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนั่นเอง
ยุคสมัยที่ ‘เศรษฐกิจทั่วโลก’ ขาลงอย่างนี้ ก็ต้องมีเพลงและดนตรีที่เข้ามามีบทบาทที่สะท้อนถึงชีวิต และอีกนัยหนึ่งคือ เป็นเพลงที่เข้ามาช่วยปลอบประโลมผู้คนในยามนี้
[ เพลงที่เต้นได้ แต่เนื้อหาตัดพ้อเศรษฐกิจ ]
เรามาทำความรู้จัก ‘Recession Pop’ กันสักนิด
Recession Pop คือแนวดนตรีป๊อบที่ได้รับความนิยมในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือวิกฤตทางการเงิน ดนตรีแนวนี้มักเน้นเพลงที่มีจังหวะเร็วและสนุกสนาน เช่น เพลงแนวเต้นรำ (Dance Pop) ที่มีทำนองติดหู เต้นได้ พร้อมทั้งเนื้อเพลงอ้างอิงถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบัน แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินหรือความท้าทายทางเศรษฐกิจก็ตาม หรือยกตัวอย่างง่ายๆ คือ แนวเพลงแบบตัวแม่อย่าง Katy Perry, Kesha, และ Charli XCX
จุดเริ่มต้นของ Recession Pop เกิดขึ้นเมื่อปี 2007 หลังจากศิลปิน Timbaland ออกเพลง ‘The Way I Are’ ด้วยเนื้อหาที่ว่าถึงแม้จะไม่มีเงิน ไม่มีรถ แต่ก็ยังต้องการความรักและการยอมรับที่ตนเป็น เป็นการคาดเดาเหตุการณ์เศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในปลายปีนั้น
7 ปีถัดมา (ปี 2014) เศรษฐกิจโลกก็ยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นฟู จากนั้น Pitbull และ Ne-Yo ได้ออกเพลง ‘Time Of Our Lives’ ที่พูดถึงการใช้เงินสุดท้ายเพื่อมีความสุขในค่ำคืนนั้น การเต้นรำเพื่อหนีจากความกังวลทางการเงินกลายเป็นสิ่งที่สำคัญในเพลงแนวนี้
[ คนท้อชีวิต สู้เศรษฐกิจ หันมาฟังเพลงตอกย้ำดีกว่า ]
ตัดภาพมาที่ปัจจุบันนี่คือช่วงเวลาของการกลับมาของ Recession Pop โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นอเมริกา
‘Casey Lewis’ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสื่อในอเมริกา เล่าว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันดูเหมือนจะขยายตัวดีและการว่างงานก็ต่ำ แต่เพลงฮิตที่กำลังเป็นที่นิยมกลับบอกเล่าเรื่องราวในอีกมุมหนึ่ง เช่น เพลงป๊อปในยุคของ ‘Katy Perry’ น่าจะเป็นการหนีความจริงที่หลายคนยังคงต่อสู้กับปัญหาทางการเงิน
หรือว่าจะเป็นตัวแม่อย่าง Beyoncé ได้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในเพลงอัลบั้ม ‘Cowboy Carter’ ที่กล่าวถึง “ปัญหาของคนทำงานหนักแต่ไม่มีเงินเก็บเลย” แม้แต่เพลงฮิตใน TikTok อย่าง ‘I’m looking for a man in finance’ ก็สะท้อนถึงความรู้สึกหงุดหงิดและความไม่มั่นคงทางการเงินที่แพร่หลายในวงกว้างเช่นกัน
สาเหตุที่เพลงแนว Recession Pop กลับมาได้รับความนิยม คงหนีไม่พ้นว่าดนตรีแนวนี้สะท้อนถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่อยากหลีกหนีจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยใช้ดนตรีเป็นวิธีการปลดปล่อยความรู้สึกเศร้าโศกและความกังวลใจนั่นเอง
เรื่องนี้ ‘Diane Negra’ ศาสตราจารย์จาก University College Dublin บอกว่า เพลงมักจะมีจังหวะที่สนุกสนานและช่วยปลอบโยนคนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และการที่เพลงป๊อปเนื้อหาพูดถึง ภาระชีวิตที่ผูกติดกับเศรษฐกิจการเงินอาชีพการงาน กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเพราะคนต้องการหนีจากความเป็นจริงในสภาวะที่ยังไม่แน่นอน เมื่อผู้คนยังรู้สึกถึงภาระการเงินและปัญหาต่างๆ ที่ยังคงอยู่
อ่านมาถึงตรงนี้พอจะนึกออกกันมั้ยว่า แล้ว Recession Pop แบบเพลงไทย มีเพลงอะไรกันบ้าง
ที่มา










