ในโลกธุรกิจที่หมุนเร็ว SME กลายเป็นด่านหน้าของเศรษฐกิจไทย แต่เมื่อคลื่นความผันผวนถาโถม ทั้งความไม่แน่นอนจากนโยบายของประเทศมหาอำนาจ De-globalization หรือภัยธรรมชาติ ความอยู่รอดจึงขึ้นอยู่กับ ‘ความสามารถในการปรับตัว’ ที่ต้องเร็วและแม่นยำกว่าที่เคย
วันนี้ TODAY Bizview มีโอกาสพูดคุยกับ ‘รุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์‘ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ถึงภารกิจสำคัญในการดูแลลูกค้า SME กว่า 1.8 ล้านราย ท่ามกลางยุคที่โลกธุรกิจไม่มีสูตรสำเร็จเดิมอีกต่อไป
ผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า SME คือความหวังของประเทศ เป็นตัวขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ เป็นกลุ่มที่มีส่วนร่วมกับคนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม แต่ละปีกลับมีความท้าทายเข้ามากระทบกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ยิ่งในยุคสมัยนี้ สิ่งที่ SME ต้องพบเจอคือความผันผวนที่มาเร็วขึ้น แรงขึ้น และกว้างขึ้นมากกว่าเดิม
ท่ามกลางภาวการณ์เช่นนี้ ธนาคารมีบทบาทอย่างมากในการเป็น ‘ผู้สนับสนุน‘ (Enabler) ไม่ว่าจะสนับสนุนเรื่องแหล่งเงินทุน รวมถึงการให้องค์ความรู้ และการสร้างเครือข่าย (Networking) ที่ดี เพื่อให้ SME สามารถต่อยอดธุรกิจและแข่งขันในตลาดได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ดี แม้เศรษฐกิจจะเผชิญความท้าทาย แต่ยังมีบางอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้ดี เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย เราเห็นเทรนด์คนมีอายุยืนยาวขึ้น และคนสูงอายุ ณ ปัจจุบัน เขายังมีศักยภาพอยู่ ดังนั้น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และการสันทนาการต่างๆ รวมถึงการสาธารณสุข ซึ่งเราเรียกรวมๆ ว่า Hospitality ก็ยังไปได้
นอกจากนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็กก็ยังไปได้ดีอีกด้วย จากอัตราการเกิดที่น้อยลง ส่งผลให้ทรัพยากรที่ทุ่มให้กับเด็กหนึ่งคนในแต่ละครอบครัวมีมากขึ้น ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยกับเด็กมากขึ้น
ขณะที่อุตสาหกรรมที่เป็นภาคการผลิตจริง ยังเผชิญกับความท้าทายพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า Brown Industry เช่น กลุ่มที่ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งการไม่ปรับเปลี่ยนตัวเอง การไม่ยอมปรับตัว คือความน่ากลัวที่สุด
‘ธุรกิจที่ไม่มีการปรับตัวก็จะเป็นธุรกิจที่น่ากังวล คือไม่ตามเทรนด์ ไม่ตามกระแส หรือตามสภาพของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป‘
นอกจากปัจจัยเฉพาะอุตสาหกรรมแล้ว ต้องยอมรับว่าโลกปัจจุบันผันผวนมากขึ้นจริงๆ ยกตัวอย่างเช่นราคาทองคำที่ปีที่แล้ว (2567) ปรับตัวขึ้นกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปีนี้กลับปรับตัวขึ้นเท่ากันภายในไตรมาสเดียว
ขณะที่ภาษีทรัมป์ วันนี้บอกอัตราหนึ่ง พรุ่งนี้บอกอัตราหนึ่ง มะรืนนี้อาจจะปรับเปลี่ยนอีก แบบนี้ผู้ประกอบการก็สับสนว่าสรุปแล้วเป็นนโยบายต่อวัน (Daily Policy) หรือเป็นสิ่งที่คิดมาแล้วเพื่อนำมาใช้ในระยะยาว กลายเป็นการปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ของโลก
สภาพเหล่านี้เป็นสภาพที่เชื่อว่า SME ทุกคนเห็น แต่จะปรับตัวอย่างไร ซึ่งข้อหนึ่ง คือ ต้องเรียนรู้ ยอมรับ และหาจุดแข็งที่เราสามารถนำออกมาใช้ และยังสามารถแข่งขันได้ในสภาวะของการแข่งขัน ณ ปัจจุบัน
เรายอมรับเทรนด์นี้ แต่คำถามคือ เราจะเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์นี้ หรือเราจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเทรนด์นี้ หากเราอยากจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเทรนด์นี้ ก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อย แต่ถ้าเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ เราก็ต้องหาวิธีการ
‘ในวิกฤตมีโอกาส อยู่ที่ใครมองเห็น และอยู่ที่ใครมีความกล้าจะออกจาก Comfort Zone ของตัวเอง‘

ปีนี้ธนาคารกสิกรไทยมีกลยุทธ์ดูแลลูกค้า SME ภายใต้แนวคิด “WE GROOM, YOU GROW” K SME ใส่ใจให้ธุรกิจ…ไปได้อีก ด้วยองค์ความรู้เชิงลึก ที่ปรึกษาเรื่องการบริหารจัดการเงิน และโซลูชันทางการเงินเฉพาะธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้า K SME ก้าวข้ามวิกฤติและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีโครงการพิเศษได้แก่
1. K SME SIERRA เป็นโครงการดูแลลูกค้าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและพร้อมขยายธุรกิจ จึงเป็น SME ที่ขนาดใหญ่พอสมควรแล้ว มีทรัพยากรมากกว่ากลุ่มที่ยังเป็น SME ขนาดเล็ก และอาจจะมีความต้องการมากกว่า SME ทั่วไป
โดยกลุ่มนี้ ธนาคารออกโปรแกรมที่ชื่อว่า E.D.G.E. ซึ่งถ้าแปลตรงตัว แปลว่า ขอบเขต กล่าวคือ ธนาคารพยายามพาลูกค้ากลุ่มนี้ ไปให้ได้มากกว่าศักยภาพที่ลูกค้าเป็น
2. K SME CARE เป็นโครงการพิเศษที่ธนาคารจัดทำขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้า SME ขนาดกลาง เพื่อเสริมแกร่งให้ธุรกิจก้าวข้ามอุปสรรคและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยธนาคารได้จัดโครงการนี้มาแล้วถึง 25 รุ่น มีผู้เข้าอบรมกว่า 14,000 รายทั่วประเทศ และในปีนี้เป็นรุ่นที่ 26 ภายใต้ธีม ‘Empowered Evolution’ พลิกธุรกิจด้วยพลังความคิดและเครือข่าย
ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้โดยรวมเน้นที่การให้องค์ความรู้ (Knowledge) กับกลุ่มลูกค้า SME ซึ่งธนาคารพยายามส่งเสริมให้เกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันให้เกิดเป็นคอมมิวนิตี มีการแลกเปลี่ยนความรู้และต่อยอดความสำเร็จระหว่างนักธุรกิจในแวดวงอุตสาหกรรมอีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Knowledge Hub ในช่องทางโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ของธนาคารเพื่อให้ SME เข้าถึงองค์ความรู้ง่ายขึ้น

และนอกจากจากองค์ความรู้แล้วธนาคารกสิกรไทยก็พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูกค้า ผ่านผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ Relationship Manager กว่า 2,500 คนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและพร้อมให้คำแนะนำกับลูกค้าทั้งเรื่องการเงินสำหรับธุรกิจและการเงินส่วนบุคคล
รวมถึงเปิดตัวโซลูชันการเงินเฉพาะธุรกิจ ทั้ง Financial และ Non Financial เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการได้แก่
– โซลูชันทางการเงิน สำหรับธุรกิจโรงแรม : วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนและรีโนเวทสำหรับโรงแรมทุกขนาด สามารถเลือกการผ่อนชำระเงินกู้ได้ตามฤดูกาลการท่องเที่ยว นอกจากนี้มีระบบการชำระเงินทั้งออนไลน์และออฟไลน์ค่าธรรมเนียมพิเศษ รวมถึงบริการ KONCIERGE+ แพลตฟอร์มที่รวมโซลูชันเพื่อธุรกิจโรงแรมครบวงจร
– โซลูชันการเงินสำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่กำลังพัฒนา ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจ Healthcare ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง เป็นต้น
รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านสู่การทำธุรกิจที่ยั่งยืนได้ โดยมองว่าการเริ่มต้นลดคาร์บอนที่ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนแหล่งทรัพยากร เช่น จากไฟฟ้ามาเป็นแสงอาทิตย์ ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบัน ราคาของการเปลี่ยนผ่านนั้นถูกลงไปเยอะ จุดคุ้มทุนของการเปลี่ยนผ่านไม่เหมือนสมัยก่อน
ความยากคือ ซื้อเร็วก็อาจจะแพง แต่ถ้าไม่ซื้อเลยก็ไม่มีวันได้เปลี่ยน ดังนั้น นอกเหนือจากแหล่งเงินทุนแล้ว ธนาคารก็พยายามจะจัดหาสิ่งเหล่านี้มาสนับสนุนลูกค้า เพื่อเป็นโซลูชันเสริมจากที่เรากล่าวมาข้างต้น
ท่ามกลางโลกที่ผันผวนหนักขึ้นนั้น ผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกสิกรไทยย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘อย่าตกยุค อย่าตกเทรนด์’ หาโอกาสให้ตนเองได้เรียนรู้ พยายามปรับตัวในลักษณะที่เราก็ต้องพึงตระหนักว่า เทรนด์มันมาเร็ว แปลว่า มันก็ไปเร็ว แต่จะทำอย่างไรให้เราเกาะเทรนด์ใหม่ๆ ให้ได้ตลอด…










