สำรวจนายจ้าง 90% ต้องการคนมีสกิลมากกว่าเกรด ใช้ภาษาอังกฤษดี เข้าใจ AI

สำรวจนายจ้าง 90%  ต้องการคนมีสกิลมากกว่าเกรด ใช้ภาษาอังกฤษดี เข้าใจ AI

วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC) เปิดผลสำรวจ Annual Graduate Employer Survey 2025 สะท้อนทิศทางตลาดแรงงานยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

โดยพบว่า นายจ้างส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ ‘ทักษะที่ใช้งานได้จริง’ มากกว่าผลการเรียน และมองหาบุคลากรที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี พร้อมเข้าใจการใช้ AI และเครื่องมือดิจิทัล

ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจากบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาในปี 2025 จำนวน 412 คน ควบคู่กับความคิดเห็นจากผู้ประกอบการและผู้ว่าจ้างจากองค์กรชั้นนำ 63 แห่ง ครอบคลุมทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงอาจารย์ที่ปรึกษาบัณฑิตศึกษาต่อต่างประเทศ 

ข้อมูลทั้งหมดสะท้อนภาพเดียวกันว่า ตลาดแรงงานในอนาคตกำลังต้องการ ‘คนทำงานที่พร้อมใช้งานจริง’

[ ภาษาอังกฤษยังเป็นทักษะสำคัญอันดับหนึ่ง ]

ผลสำรวจพบว่า 93% ของนายจ้างให้ความสำคัญกับทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่สอง มากที่สุด โดยเฉพาะองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคและนานาชาติ นายจ้างต้องการบุคลากรที่สามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ เป็นมืออาชีพ เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม และทำงานร่วมกับทีมข้ามวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนวโน้มนี้สะท้อนว่า การเรียนการสอนภาษาควรปรับให้สอดคล้องกับการทำงานจริงมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพื่อสอบ แต่ต้องครอบคลุมการนำเสนอ การเจรจา การเขียนอีเมลธุรกิจ และการทำงานในบริบทสากล

[ AI กลายเป็นทักษะพื้นฐานของทุกสายอาชีพ ]

ขณะเดียวกัน 90% ของนายจ้างคาดหวังให้บุคลากรมีความเข้าใจและสามารถใช้ AI รวมถึงเครื่องมือดิจิทัลได้อย่างคล่องแคล่ว ทักษะเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สายเทคโนโลยี แต่กลายเป็นทักษะพื้นฐานของทุกอาชีพ ตั้งแต่ธุรกิจ การตลาด ไปจนถึงงานบริการ

นายจ้างมองว่า ผู้ที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีได้ดีจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ส่งผลให้ภาคการศึกษาจำเป็นต้องเร่งบูรณาการความรู้ด้าน AI และ Data Literacy เข้าไปในทุกหลักสูตร พร้อมปลูกฝังการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม

[ ทำงานเป็น สำคัญกว่าเกรด ]

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ กว่า 75% ของนายจ้างระบุว่า ความพร้อมในการทำงานจริงในปีแรก สำคัญกว่าผลการเรียนหรือวุฒิการศึกษา นายจ้างให้ความสำคัญกับประสบการณ์ฝึกงาน การทำโครงงานจริง และการเรียนรู้จากสถานการณ์ในภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบว่า กว่า 60% ของนายจ้างกังวลว่าบัณฑิตใหม่ยังขาดความมั่นใจในการสื่อสาร และการจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่มีความกดดันสูง แม้ว่านายจ้างจะพึงพอใจกับคุณธรรมและการทำงานเป็นทีมของบัณฑิตโดยรวม แต่ทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ยังเป็นจุดที่ต้องเร่งพัฒนา เพราะทักษะทางเทคนิคอาจช่วยให้ได้งาน แต่ความฉลาดทางอารมณ์คือสิ่งที่ทำให้เติบโตในงานได้

[ 7 แนวทางที่สถาบันการศึกษาควรเร่งปรับตัว ]

จากข้อมูลทั้งหมด MUIC ได้สรุป 7 แนวทางสำคัญที่สถาบันการศึกษาไทยควรนำไปปรับใช้ ได้แก่

  1. AI & Data Literacy for All : ฝังทักษะ AI และ Data Analysis ลงในทุกหลักสูตร ไม่จำกัดเฉพาะสายไอที

2.Work – Integrated Learning (WIL) : ผนวกการฝึกงานและเคสจริงจากองค์กร เพื่อลดช่องว่าง เรียนจบแต่ทำงานไม่เป็น”

3.Global Communication Bootcamp : เน้น ‘ภาษางาน’ (Business Language) ที่ใช้ทำงานจริง เช่น ภาษาเพื่อการนำเสนอ, ภาษาเพื่อการเจรจา, การเขียนอีเมลธุรกิจ และการทำงานในทีมข้ามวัฒนธรรม (Cross-cultural Communication) 

4.Critical Thinking Studio : จัดเวิร์กช็อปแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ เช่น Case-based Analysis, Decision Tree & Hypothesis-driven Thinking เพื่อลดปัญหา คิดไม่เป็น ตัดสินใจไม่ชัด

  1. Emotional Resilience & Professional Etiquette : ฝึกการทำงานภายใต้แรงกดดันและความเป็นมืออาชีพ เพื่อเพิ่มวุฒิภาวะ 
  1. Career Tracks & Micro-Credentials : ออกแบบเส้นทางทักษะ (Skill Mapping) และใบรับรองทักษะเฉพาะทาง (Micro-Credential Certificates) ที่นายจ้างสามารถเข้าใจ เช่น Data–AI Track, Cybersecurity Track, Digital Hospitality Track, HealthTech Track และ ESG/Sustainability Track
  1. Language as an Economic Skill : ปรับวิชาภาษาให้เป็น “วิชาทักษะทำงาน” ไม่ใช่เพื่อสอบเท่านั้น แต่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารในงานจริง การสรุปงาน การเจรจา และการนำเสนอ 

[ 5 กลุ่มอาชีพมาแรงใน 5 ปีข้างหน้า ]

MUIC วิเคราะห์แนวโน้มตลาดแรงงาน และประเมินว่า 5 กลุ่มอาชีพที่จะเติบโตสูงในช่วง 5 ปีข้างหน้า ได้แก่

  1. ดิจิทัล – ข้อมูล – AI เช่น นักวิเคราะห์ข้อมูล, วิศวกรข้อมูล, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Prompt/Automation 

2.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ / การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านดิจิทัล (Digital Compliance) เช่น นักวิเคราะห์ความปลอดภัยไซเบอร์, ผู้เชี่ยวชาญด้าน GRC (Governance, Risk & Compliance)/Privacy .

  1. การท่องเที่ยว–บริการเชิงคุณภาพแบบดิจิทัล เช่น การตลาดดิจิทัลในธุรกิจโรงแรม, การออกแบบประสบการณ์ (Experience Design) ให้ผู้เข้าพักประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบ
  1. การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เน้นการป้องกันและการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน (Healthcare and Wellness) โดยใช้ AI และ เครื่องมือดิจิทัล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพรายบุคคล, การสื่อสารด้านสุขภาพเฉพาะกลุ่ม 
  1. การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้น (Green transformation) เช่น นักวิเคราะห์และจัดทำรายงานประเมินด้านความยั่งยืนหรือ ESG (Environment, Social & Governance), การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน)

ท้ายที่สุด ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ชัดว่า ตลาดแรงงานกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ ‘ทักษะจริง’ สำคัญกว่ากระดาษหนึ่งใบ และสถาบันการศึกษาเองก็ต้องเร่งปรับตัวให้ทันการแข่งขันระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นภาษา AI การคิดวิเคราะห์ หรือความพร้อมทำงานจริง 

ทั้งหมดนี้กลายเป็นพื้นฐานที่คนรุ่นใหม่ต้องมี หากประเทศไทยต้องการยกระดับศักยภาพแรงงานในระยะยาว การร่วมมือกันระหว่างสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ และนักศึกษาเองจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง
ManassaweeWriterManassawee
นักข่าวการเงิน ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด อยากสื่อสารให้ทุกเรื่องการเงินเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง