หลังจากราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) ทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดเหนือ 100,000 ดอลลาร์มาหลายเดือน ล่าสุด Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าแสนดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
เหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มตั้งคำถามว่า นี่คือแค่ ‘จังหวะพักตัว’ หลังวิ่งแรงหรือกำลังเข้าสู่ ‘ขาลงรอบใหม่’ ของตลาดคริปโตกันแน่
รายงานจาก Forbes ( 4 พ.ย. 2568 ) ระบุว่า Bitcoin หล่นลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ ภายใต้แรงกดดันหลายด้าน ทั้งภาวะดอกเบี้ยสูงทั่วโลก การไหลออกของเงินทุนจากกองทุน Bitcoin ETF และกระแสหนีความเสี่ยง (risk-off) ที่กำลังกลับมา
ขณะเดียวกัน สินทรัพย์เสี่ยงอื่น อย่างหุ้นเทคโนโลยี และ altcoin ต่างๆ ก็ปรับตัวลดลงตาม ภาพรวมสะท้อนว่านักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักพอร์ตคริปโตลง หลังจากเก็บกำไรจากช่วงที่ราคาพุ่งแรงต่อเนื่องเกือบ 1 ปี
[ 3 ปัจจัยหลักที่กดดันราคา Bitcoin ]
1. แรงขายจากรอบทำกำไร (Profit Taking) เพราะ Bitcoin เพิ่งขึ้นแรงจากราว 60,000 ดอลลาร์ ไปทะลุ 100,000 ดอลลาร์ ในเวลาไม่กี่เดือน ทำให้หลายคนมองว่าสินทรัพย์อยู่ในโซนร้อนแรงเกินไป (Overheated)
นักวิเคราะห์จาก Forbes มองว่าการปรับลงครั้งนี้เป็นผลจากแรงขายทำกำไรตามธรรมชาติของตลาด โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาผ่าน ETF ตั้งแต่ต้นปี
2. อัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง แม้ตลาดจะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในปี 2026 แต่ทิศทางในตอนนี้ยังคงค้างอยู่ในโหมดเข้มงวดเพราะเงินเฟ้อยังไม่ลดลงเท่าที่คาด
เมื่อดอกเบี้ยสูง สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรกลับมาน่าสนใจกว่า ทำให้นักลงทุนย้ายเงินบางส่วนออกจากคริปโตเพื่อหาผลตอบแทนที่แน่นอนกว่า
3. บรรยากาศ (Sentiment) หนีความเสี่ยงกลับมา เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มชะลอตัว นักลงทุนจำนวนมากจึงลดความเสี่ยงในพอร์ต ซึ่งกระทบคริปโตโดยตรง
เพราะถือเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงที่สุดกลุ่มหนึ่งการไหลออกจากกองทุน Spot Bitcoin ETF ในช่วงปลายตุลาคม จึงสะท้อนให้เห็นว่า ‘เม็ดเงินร้อน’ กำลังเย็นตัวลง
[ จุดทดสอบความเชื่อมั่นใหม่ ]
ราคา Bitcoin ที่หลุด 100,000 ดอลลาร์ ไม่ได้แค่ตัวเลขทางเทคนิค แต่คือ ‘จุดจิตวิทยา’ ที่สำคัญของตลาด เพราะเป็นระดับที่นักลงทุนจำนวนมากใช้เป็นแนววัดความเชื่อมั่น
ถ้าราคาสามารถทรงตัวและรีบาวด์กลับขึ้นได้ นักวิเคราะห์เชื่อว่า Bitcoin อาจสร้างฐานใหม่ก่อนกลับขึ้นในรอบถัดไป แต่ถ้าหลุดลงต่อเนื่อง แนวรับถัดไปอาจอยู่แถว 92,000 – 95,000 ดอลลาร์ และนั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ตลาดเข้าสู่ภาวะปรับฐานจริงจัง
[ โอกาสท่ามกลางแรงขาย ]
ในมุมมองของนักลงทุนระยะยาว การปรับฐานไม่ได้หมายถึง ‘สัญญาณหนี’ เสมอไป แต่คือโอกาสกลับมาประเมินพื้นฐานและจังหวะลงทุนใหม่
ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หาก Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หรือมีข่าวบวกด้านการนำบล็อกเชนมาใช้งานจริง ราคาอาจกลับมาฟื้นได้เร็วกว่าที่คาด
ขณะที่ฝั่งระยะสั้น นักลงทุนที่เข้าซื้อในช่วงร้อนแรงอาจต้องยอมรับความผันผวน และปรับกลยุทธ์ถือครองตามระดับความเสี่ยงที่รับได้
แล้วนี่คือ ‘พักฐาน’ หรือ ‘ขาลง’ คำตอบขึ้นอยู่กับสองปัจจัยใหญ่ ได้แก่
1.นโยบายการเงินของ Fed ถ้ามีสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น คริปโตอาจกลับมาฟื้นเป็นรอบใหม่ได้
2.ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบัน หาก ETF กลับมามีเงินไหลเข้าอีกครั้ง จะช่วยพยุงราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในทางกลับกัน หากทั้งสองปัจจัยยังไม่ดีขึ้น ราคาที่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ อาจกลายเป็น ‘แนวต้านใหม่’ แทนที่จะเป็น ‘แนวรับ’ ซึ่งหมายความว่าการกลับขึ้นไปอาจยากกว่าเดิม
ที่มา : https://www.forbes.com/sites/tylerroush/2025/11/04/bitcoin-falls-below-100000-heres-why-crypto-prices-may-be-dropping/










