สั่นสะเทือนไปทั้งวงการคริปโตฯ เมื่อบิตคอยน์ (BTC) ร่วงหลุดแนวรับ 20,000 เหรียญ เป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน นับตั้งแต่ ธ.ค. 2563 และยังไหลลงต่อเนื่องหลุด 19,000 เหรียญ
การปรับตัวลงในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนซื้อบิตคอยน์ไปเมื่อต้นปี ขาดทุนทันทีกว่า 60% จากเงินหลักล้านสู่เงินหลักแสน เพราะทุนที่ใส่ไปในตลาด 1.5 ล้านบาทเมื่อต้นปี ตอนนี้เหลือเพียง 6.6 แสนบาทเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์นี้ยังทำให้เหรียญอื่นๆ ปรับตัวลงตาม เช่น อีเธอเรียม (ETH) ที่ร่วงหลุดแนวรับ 1,000 เหรียญ ครั้งแรกในรอบ 18 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2564
ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาของบิตคอยน์ร่วงหนัก เป็นผลจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะในภาวะเงินเฟ้อ
โดย ‘ปีเตอร์ ชิฟฟ์’ (Peter Schiff) โบรกเกอร์ชาวอเมริกัน วิเคราะห์ว่า เมื่อราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูง หลายคนที่ถือบิตคอยน์ ท้ายที่สุดก็ต้องขายเหรียญเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย
เพราะทั้งร้านขายของและปั๊มน้ำมัน ต่างก็ไม่มีใครรับชำระเงินด้วยบิตคอยน์ทั้งนั้น ไม่เหมือนกับช่วงโควิด-19 ที่ตอนนั้นไม่มีใครจำเป็นต้องขายเหรียญทิ้ง เพราะราคาสินค้ามันถูกกว่านี้มาก แถมคนถือบิตคอยน์ยังได้เช็คอุดหนุนจากรัฐอีก
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของบิตคอยน์ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตฯ ที่ลดลง หลังจากที่ 2 โปรเจคใหญ่ระดับโลก Terra-Luna และ Celsius ทำนักลงทุนขาดทุนหนัก
มองไปข้างหน้า นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังแสดงความกังวลต่อเนื่อง โดยนักลงทุนไทยประเมินว่ากรณีเลวร้าย ราคาบิตคอยน์อาจร่วงลงต่ำสุดที่ 5 แสนบาท ส่วนนักลงทุนต่างประเทศ คาดว่าเลวร้ายสุดๆ บิตคอยน์อาจเหลือเพียง 12,000 เหรียญ จากตอนนี้ที่ 18,000 เหรียญ
