ธนาคารล้มแต่คริปโตฯ ยังร่าเริง ล่าสุด ‘บิตคอยน์’ พุ่งทำจุดสูงสุดในรอบ 9 เดือน สวนทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank (SB) ที่เกือบล้มละลาย ตามมาด้วยธนาคาร Credit Suisse ในคืนวันพฤหัสบดี (16 มี.ค. 2566) ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง แต่ตลาดคริปโตฯ กลับยังมีภาพรวมที่แข็งแกร่ง
แม้ในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค. ราคา ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) จะเพิ่งปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับ 20,000 ดอลลาร์ จากเดิมเคลื่อนไหวที่บริเวณ 22,000 ดอลลาร์ จากความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของบริษัท Circle เจ้าของ USDC ซึ่งเป็นลูกค้าของ SVB
ตามมาด้วยวันอาทิตย์ที่ 12 มี.ค. Signature Bank ผู้รับฝากเงินของบริษัทคริปโตฯ รายใหญ่อย่าง Coinbase และ Paxos ยิ่งสร้างความกังวลต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด
แต่หลังจากที่องค์กรคุ้มครองเงินฝาก (Federal Deposit Insurance Corporation: FDIC) ออกมาประกาศคุ้มครองลูกค้าธนาคารที่ล้มไป ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือ
ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดคริปโตฯ ดีดกลับอย่างรุนแรง โดยในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. บิตคอยน์ปรับขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 24,000 ดอลลาร์ และในวันอังคารที่ 14 มี.ค. ราคาเหรียญยังปรับขึ้นต่อเนื่องแตะ 26,000 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 9 เดือน
การพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แถมยังสามารถยืนระยะได้ของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี สะท้อนให้เห็นถึงการเสื่อมความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสกุลเงินปกติ (Fiat Currency) ที่เคยมองคริปโตฯ ว่า
‘Not Your Keys, Not Your Coins หรือ หากไม่ใช่กุญแจของคุณ มันก็ไม่ใช่เงินของคุณ’
โดยนักลงทุนต่างเริ่มปรับมุมมองว่า หากนำเงินสดไปฝากไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียว แล้ววันหนึ่งเกิด Bank run อีกในอนาคต เงินเหล่านั้นก็มีความเสี่ยงจะสูญมูลค่าทั้งหมดไป หากทางการไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังทำให้นักลงทุนเริ่มปรับมุมมองว่า การกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่ไม่ถูกแทรกแซงจากภายนอกอย่างบิตคอยน์ และสามารถเก็บรักษาไว้ได้ด้วยตัวเองนั้น อาจทำให้ทำให้บิตคอยน์เข้าข่ายเป็นเงินของตนเองได้อย่างแท้จริง เกิดเป็นวลีใหม่ที่ว่า
‘Your Keys, Your Coins หรือ หากมันเป็นกุญแจของคุณ มันก็เป็นเงินของคุณ’










