ในช่วงนี้ที่มีเรื่องเครียด ๆ หลายคนกำลังต้องการซีรีส์ที่จะทำให้เราดูได้แบบไม่ต้องคิดเยอะ และ Business Proposal นัดบอดวุ่นลุ้นรักท่านประทาน ก็มาทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ หลายคนดูอาจจะไม่รู้ว่ากว่าจะมาเป็น ท่านประทาน คุณเลขา ชินฮารี และจินยองซอเหมือนทุกวันนี้

นักแสดงเหล่านี้เคยเป็น เด็กฝึกที่เกือบจะได้เป็นสมาชิกวง Got7 เป็นนักแสดงประกอบของซีรีส์หลายเรื่องที่คุณอาจจะเคยดูแต่ไม่ทันสังเกต และเป็นไอดอลที่ชนะการแข่งขัน บทความวันนี้จะพาไปส่องเส้นทางกว่าจะมาเป็นนักแสดงนำของ 4 ตัวละครหลักว่าพวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง เพราะความน่าสนใจของนักแสดงจากเรื่องนี้คือการรวมหลากหลายเส้นทางของการเข้าวงการบันเทิงของคนเกาหลีมาไว้ด้วยกัน และเส้นทางเหล่านี้ทำให้ซีรีส์เกาหลีมีมาตราฐานการแสดงที่ดีอย่างไรบ้าง
การจะเป็นนักแสดงที่เกาหลีได้นั้นก็เหมือนกับทุกประเทศในโลกที่ มีอยู่หลายวิธี ตั้งแต่การเรียนการแสดงในมหาวิทยาลัยจนได้เล่นละครจริง ออดิชั่นหาต้นสังกัด ไล่เก็บโปรไฟล์และฝีมือจากการเป็นตัวประกอบ ไปจนถึงการเปลี่ยนสายงานจากไอดอล เด็กฝึก หรือนายแบบนางแบบมาสู่การเป็นนักแสดง

ภาพจาก : Twitter :: SBSNOW
อันฮโยซอบ เป็นหนึ่งในกรณีหลังเพราะเขาเริ่มชีวิตในวงการบันเทิงด้วยการเป็นเด็กฝึกเพื่อที่จะเป็นไอดอลในค่ายเพลง
- เขาเกิดที่เกาหลีก่อนจะย้ายไปอยู่แคนนาดาตั้งแต่อายุหกขวบ ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจกับสำเนียงภาษาอังกฤษชัดเปรี๊ยะที่เขาเคยโชว์ไว้ในหลาย ๆ เรื่อง และการที่เขามีชื่อภาษาอังกฤษว่าพอล (ที่เป็นที่มาของชื่อแมวของเขาด้วย)
- เขาใช้เวลาอยู่ที่แคนาดาสิบปีจนกระทั่งอายุ 16 ที่เขาย้ายกลับมาเกาหลีคนเดียวเพื่อเป็นเด็กฝึกที่ JYP หลังจากที่ได้รับการติดต่อจากแมวมองของค่ายโทรหาให้เขาลองไปออดิชั่นดู หลังได้พบทีมแมวมองจากนั้นสองสัปดาห์เขาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึก แม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะคัดค้านในตอนแรก
- เขาใช้เวลาฝึกกับเพื่อน ๆ ใน JYP อยู่ 2 ปี โดยอยู่ในหอและฝึกร่วมกับกลุ่ม GOT7 แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดบิวต์
- อันฮโยซอบเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Happy Together ถึงเหตุผลว่ามันเป็นเพราะฝีมือที่ยังไม่ดีพอในตอนนั้นและความสูงที่โดดจากคนอื่นในกลุ่มซึ่งทำให้เขาเกลียดส่วนสูงตัวเองไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงเบนเข็มมาเป็นนักแสดงแทน
- โดยเดบิวต์ในซีรีส์สั้น Splash, Splash Love ในปี 2015 ทาง Naver Cast TV และ MBC
- ในปีเดียวกันก็ออกซิงเกิ้ลร่วมกับนักแสดงคนอื่นในสังกัดเกียวกัน ในนาม One O One ที่ปล่อยเพลงออกมา 3 ซิงเกิ้ลช่วงปี 2015-2016
- หลังจากนั้นในช่วงสองปีเขาก็รับบทเล็ก ๆ ในซีรีส์ต่าง ๆ ก่อนได้ก้าวขึ้นสู่บทนำครั้งแรกในซีรีส์ Queen of the Ring แต่ก็ยังคงมีผลงานที่รับบทรองอีกเรื่อย ๆ เช่น ในซีรีส์ยาวอย่าง My Father is Strange หรือ Still 17 ที่เขารับบทเป็น ยูชาน หลานของพระเอกและนักกีฬาพายเรือที่หลงรักนางเอกใน Still 17 ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลแรกในชีวิตการแสดงจากงานประกาศรางวัลปลายปีของช่อง SBS
- หลังจากนั้นเขารับบทนำในซีรีส์ Abyss คู่กับพัคโบยองก่อนจะได้รับการยอมรับในเรื่องฝีมือจาก การรับบทนำ เป็นคุณหมอซออูจินในภาคต่อของซีรีส์สุดฮิตอย่าง Dr. Romantic 2 ซึ่งนอกจากจะได้ทั้งกระแสและเรตติ้ง ยังส่งให้เขาได้รับรางวัล นักแสดงดาวรุ่งชายจากเวที Baeksang Arts Awards ที่มีฉายาว่าออสการ์แห่งเกาหลี
- เขาพิสูจน์ฝีมือย่างต่อเนื่องกับ Lovers of the Red Sky ซีรีส์ย้อนยุคที่เขารับบทเป็นหนุ่มตาบอดที่มีพญามารสิงร่าง ก่อนที่จะมาได้เผยด้านที่สนุกสนานและมีเสน่ห์มากขึ้น ใน Business Proposal กับบทคังแทมู
- การฝึกฝนในหลากหลายด้านทำให้เขาเป็นนักแสดงที่เก่งทุกเรื่องไม่แพ้ท่านประทานเลยค่ะ เพราะเขาได้โชว์ความสามารถทางดนตรีและการเต้นนอยู่เรื่อย ๆ นอกจากฉากเล่นเปียโนเพลง River Flows in You ในเรื่องแล้ว เขายังร้องเพลง เล่นไวโอลิน ดีดกีต้าร์ และเต้นได้ดีอีกด้วย

ภาพจาก : Twitter :: SBSNOW
คิมมินกยู จากตัวประกอบสู่ตัวนำ
- ส่วนเส้นทางของคิมมินกยูนั้นคล้ายกับดาราหลาย ๆ คนที่เริ่มผลงานจากการเป็นตัวประกอบที่แทบไม่มีบทพูด แต่ก็สร้างผลงานมาเรื่อย ๆ จนเป็นดาราแถวหน้าอย่าง อีมินโฮ ที่ก็เคยรับบทที่มีบทพูดแค่ประโยคเดียวทั้งซีรีส์ หรือชินฮเยซอน ที่รับบทเล็ก ๆ อยู่หลายปีก่อนจะได้รับบทนำจนมาพีคกับ Queen
- กว่าคิมมินกยูจะขึ้นมารับบทนำ เขาเริ่มเส้นทางจากการรับบทเล็ก ๆ ไม่มีแม้แต่ชื่อตัวละครในซีรีส์ โดยผลงานเรื่องแรกคือการแสดงใน Monstar ต่อด้วยการรับบทเป็นเพื่อนนักว่ายน้ำของนัมจูฮยอกใน School 2015 และรับงานแสดงมิวสิควิดีโอบ้างประปราย
- ก่อนจะเริ่มเป็นที่สนใจหลังจากเขาได้ร่วมเล่น Signal ซีรีส์สืบสวนข้ามเวลา และไปออกรายการ I Can See Your Voice ที่ลักยิ้มและเสียงเพราะ ๆ ทำเขาเป็นกระแสขึ้นมา จนขึ้นอันดับคำค้นหาในเว็ปพอร์ทัลที่เกาหลี ทำให้เขาได้รับการติดต่อให้ไปเป็นนักร้อง แต่ในการสัมภาษณ์กับ Showbiz Korea เขาระบุว่าเขาปฏิเสธไปเพราะเขาไม่ได้คิดว่าจะเป็นนักร้องอาชีพมากก่อน แม้ว่าเขาจะชอบร้องเพลงก็ตาม
- จากตอนนั้นเขาก็เริ่มมีบทบาทมาขึ้น โดยมักจะรับบทที่ออกมาไม่เยอะแต่โขมยซีนไม่เบาหรือเป็นตัวละครแวดล้อมของตัวละครหลัก อาทิ Because This Is My First Life และ Rich Family’s Son ที่เขาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ จากเวที MBC Drama Awards และ Soompi Awards ตามลำดับ
- นอกจากงานแสดงซีรีส์ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นเขาก็เริ่มมีผลงานภาพยนตร์บ้างซึ่งในหลายเรื่องก็ได้รับบทเด่นพอสมควร รวมไปถึงมีผลงานการออกรายการวาไรตี้เรื่อย ๆ แต่ก็ใช้เวลาถึง 5 ปีกว่าที่เขาจะได้รับบทพระเอกในซีรีส์ 2 ตอน เรื่อง Drunk in Good Taste และบทหลักใน Perfume ปี 2018
- เขาก้าวขึ้นสู่บทพระเอกเต็มตัวในปี 2019 กับซีรีส์ Queen: Love and War ซึ่งฉายทางช่องโชซอน และได้บทสมทบที่ค่อนข้างเด่นในซีรีส์ฟอร์มใหญ่อย่าง Snowdrop ที่เขารับบทเป็นทหารเกาหลีเหนือ ก่อนจะมาเป็นกระแสเต็ม ๆ กับบทเลขาชา ฮอตเนิร์ดแห่ง Business Proposal

ภาพจาก : Twitter :: SBSNOW
หลายคนอาจจะต้องใช้เวลากว่าจะเป็นนักแสดงที่มีชื่อ แต่ คิมเซจอง นางเอกของเรื่องนั้น ต่างออกไป เธอเข้าวงการมาด้วยอีกเส้นทางหนึ่งที่คนไทยอาจจะคุ้นเคยกันดีคือการเข้าวงการผ่านการประกวด และ การมีต้นสังกัดที่หางานในวงการให้ ความสามารถของเธอบวกกับโอกาสที่ได้รับทำให้เธอมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว แต่เส้นทางนั้นก็ไม่ได้ง่ายเลย
- คิมเซจองเคยเข้าประกวด K-pop Star 2 ในปี 2012 แต่ก็ไม่ได้ผ่านเข้ารอบไปไกลนัก เธอเคยเผยผ่านรายการ You Hee-yeol’s Sketchbook ว่าจากนั้นเธอตั้งใจจะไปออดิชั่นเข้าสังกัดอยู่หลายที่ แต่ในที่สุดเธอก็ได้เข้าสังกัด บริษัท Jellyfish Entertianment ซึ่งอัตราการรับเข้าสังกัดนั้นอยู่ที่ 1:3000 เลยทีเดียว
- หลังจากเป็นเด็กฝึกได้ 2 ปี Jellyfish Entertianment ส่งคิมเซจองเข้าวงการประกวดอีกครั้งในรายการ Produce 101 ในปี 2016 และคราวนี้เธอได้ตำแหน่งรองชนะเลิศมาครองพร้อมกับฉายา God Sejong เพราะความเก่งที่สามารถชนะการแข่งขันได้หลายสัปดาห์และตลอดการแข่งขันเรียกว่าไม่เคยหลุดจากอันดับท็อป 2
- หลังจากจบการแข่งขันเธอก็เริ่มชีวิตการเป็นไอดอลโดยเดบิวต์เป็นหนึ่งในสมาชิกวง I.O.I และเมื่อ I.O.I หมดสัญญาเธอก็มีผลงานเพลงต่อเนื่องในนามวง Gugudan รวมถึงการออกผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีอีกด้วย
- พร้อม ๆ กับการทำงานเพลง ช่วง 2016-2018 คิมเซจองก็บุกวงการบันเทิงในหลายแขนง นอกจากเป็นนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปและปล่อยซิงเกิ้ลเดี่ยวแล้ว ก็ยังเริ่มงานพิธีกรและเข้าร่วมรายการวาไรตี้หลายรายการ รวมถึงเริ่มชีวิตการเป็นนักแสดงครั้งแรกด้วยบทนำใน School 2017 คู่กับคิมจองฮยอน ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลในฐานะนักแสดงหน้าใหม่และนักแสดงยอดนิยมจาก KBS Drama Awards และ The Seoul Awards
- คิมเซจองยังคงแสดงความสามารถที่รอบด้านต่อเนื่องกับการเริ่มเข้าสู่วงการละครเพลงในปี 2020 กับ Return: The Promise of the Day อีกด้วย
- แต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเธอหนีไม่พ้น The Uncanny Counter ซีรีส์แอ็คชั่นแฟนตาซีที่ทุบสถิติเรตติ้งของช่อง OCN และล่าสุดกับ Business Proposal

ภาพจาก : Twitter :: SBSNOW
ต่างกับคิมเซจง ซอลอินอา มาเป็นนักแสดงด้วยเส้นทางที่คล้ายกับรุ่นพี่แถวหน้าในวงการอย่าง กงยู ฮยอนบิน คิมซอนโฮ และอีกหลายคน ที่เริ่มจากความรักในการแสดงและทุ่มเทกับการเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาการละครหรือการแสดง
- บังเยริน หรือ ซอลอินอา ชื่อในวงการของเธอ ฝันอยากจะเป็นดาราตั้งแต่เด็กและเคยเป็นเด็กฝึกในค่ายเพลงก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางมาสู่การแสดงโดยเริ่มจากการเรียนด้านการแสดงในระดับมหาวิทยาลัยที่ Seoul Institude of the Arts
- เธอมีผลงานการแสดงแรก ๆ คือโฆษณา และเป็นนักแสดง MV ก่อนที่จะได้ได้เดบิวต์ในปี 2015 กับ The Producer ซีรีส์ที่เธอรับบทเล็ก ๆ เป็นแอนตี้แฟนของ IU หรือซินดี้ในเรื่อง
- จากนั้นสองปีซอลอินอาก็มีผลงานการแสดงในบทรองอยู่เรื่อย ๆ ในซีรีส์อย่าง Flowers of the Prison, Strong Girl Bong-soon, School 2017 ซึ่งส่วนใหญ่เธอเป็นแฟนของใครสักคนในเรื่อง
- จนกระทั่งขึ้นสู่บทนางเอกในปี 2018 ใน Sunny Again Tomorrow ซีรีส์ความยาว 121 ตอน หลังจากนั้นซอลอินอาสลับเล่นหลายบทบาทที่มีทั้งนางเอกและบทสมทบ เช่นเป็นนางเอกซีรีส์เรื่อง Beautiful Love, Wonderful Life ที่เรตติ้งดีในเกาหลี และบทรองในมินิซีรีส์เช่นบทสนมเอกอึยใน Queen และล่าสุดกับ Business Proposal ในบทจินยองซอที่แสนน่ารัก
- นอกจากการแสดงแล้วซอลอินอายังมีผลงานอื่น ๆ เช่นการเป็นพิธีกรและการเข้าร่วมรายการวาไรตี้และเล่น MV อีกด้วย

เส้นทางการเป็นนักแสดงของทั้งสี่สะท้อนให้เห็นวิธีเข้าวงการบันเทิงที่หลากหลายแบบ แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ การฝึกฝนที่จริงจังและการแข่งขันที่ดุเดือด กว่าเราจะได้เห็นนักแสดงสักคนทางหน้าจอต้องผ่านการคัดเลือกอย่างหนัก รวมไปถึงการทีมีนักแสดงจำนวนมากในวงการได้เรียนรู้การแสดงอย่างจริงจังตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายปีก่อนจะเข้าสู่สนามจริง และการไต่เต้าจากบทเล็ก ๆ กว่าจะถึงตัวนำนั้นมีส่วนให้คุณภาพการแสดงในซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่เราดูนั้นสูงขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้
จริงอยู่ว่าการแสดงนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนเสมอไป และนักแสดงที่ดีหลายคนก็ไม่ได้เรียนจบด้านนี้โดยตรง แต่เช่นเดียวกับทุกอาชีพ การศึกษา การฝึกฝนอย่างจริงจัง และเก็บประสบการณ์อย่างยาวนานนั้นเป็นหนึ่งปัจจัยความสำเร็จได้มากพอกับพรสวรรค์ ถึงแม้ว่าซีรีส์เกาหลีจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมดทุกเรื่อง แต่ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งส่งผลกับมาตราฐานของนักแสดงและการแสดงที่ออกมาสู่สายตาผู้ชมและทำให้ซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลีค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ชมทั่วโลกว่าจะมอบความบันเทิงที่เต็มไปด้วยคุณภาพซึ่ง Business Proposal ถึงจะไม่ใช่ซีรีส์ดราม่าที่ส่งให้นักแสดงได้โชว์ฝีมือแบบจัดจ้าน แต่จังหวะการแสดงที่พอดีกับเคมีที่ใช่ของเรื่องก็ทำให้เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่พิสูจน์ความจริงข้อนี้ได้ดีเช่นกัน
อ้างอิง
- https://www.youtube.com/watch?v=MVoSrtInLvk&t=257s
- https://kpophighindia.com/tracing-the-steps-of-top-hallyu-star-lee-min-ho-from-an-extra-to-a-k-drama-magnifico/#:~:text=1.,him%20playing%20a%20waiter’s%20role.
- https://www.youtube.com/watch?v=0zdPRxZXLIY
- http://www.newsinside.kr/news/articleView.html?idxno=1105982
- https://www.soompi.com/article/1370086wpp/kim-sejeong-tells-funny-story-about-how-she-didnt-initially-plan-on-auditioning-for-jellyfish
- https://www.allkpop.com/article/2019/12/gugudans-kim-se-jung-appears-on-yoo-hee-yeols-sketchbook
- https://www.youtube.com/watch?v=r2atpKW9frQ&t=4496s










