เมื่อฟังเรื่องราวและดูตัวอย่าง ของ ‘ดีว่า..ราวี Diva La Vie’ แล้วใครๆ ก็ต้องคิดว่าเป็นหนังตลกสุดขีด ตลกล้วน แทบไม่มีอะไรเจือ แล้วความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่
ด้วยเรื่องราวของ ปลายฝัน มากาเร็ต เฮง (รับบทโดย แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์) ดีว่าสาวจากยุค 90s เจ้าของยอดขายสองล้านตลับ ผู้อยากกลับเข้าสู่วงการ และต้องโหนกระแสศิลปินรุ่นใหม่ รวมถึงศิลปินเกาหลีดาวรุ่ง เพื่อแย่งชิงพื้นที่สื่อกลับมาอีกครั้ง
มุกที่ยิงโดนคนทุกเจเนอเรชั่น
ในฐานะภาพยนตร์ตลก ‘ดีว่า..ราวี’ นับว่าทำได้ดีกับการเรียกเสียงหัวเราะ ให้กับคนหลายยุคที่อยู่ในโรงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ขำมุขคลื่น Radio Vote Satellite (RVS) มุขละครเอ็กแซกต์ ฉากชุดไม่ค่อยพอดีจากเมืองมายา หรือตัวละครป้ากบ ที่น่าจะอ้างอิงมาจากตัวละครป้ากบในมารยาริษยา
รวมถึงการปรากฏตัวของไอคอนแห่งยุค ที่เรียกว่ายกวงการมาอยู่ทั้งในการโปรโมต และในภาพยนตร์ นอกจากนี้ ในโลกออนไลน์ยังพูดต่อกันเรื่องความตลกของฉาก ‘ข้าวเม่า’

เรื่องปวดใจที่แฝงไว้ในเสียงหัวเราะ
ยิ่งไปกว่าความตลก สิ่งที่จับใจเรามากกว่า กลับเป็นเส้นเรื่องที่บอกเล่าถึงความทุ่มเทของการเป็นศิลปิน ที่ต้องผ่านทั้งความรุ่งโรจน์ และร่วงโรยของชีวิตดีว่า อย่างชีวิตของ ปลายฝัน ซึ่งไม่ต่างกับศิลปินดาราผู้ผ่านจุดสูงที่สุดในชีวิตมาแล้วทุกคน
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมบันเทิง ที่ภาพลักษณ์ความสมบูรณ์แบบ และความเป็นดาราที่จับต้องได้ยาก ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างคาแรกเตอร์ สร้างกระแส และการเป็นที่จดจำไปพร้อมกับฝีมือที่ยังต้องคงอยู่เช่นกัน
ความเข้าใจของการเป็นนักร้องของปลายฝัน ค่านิยมที่เธอยึดถือ ความสำเร็จที่สั่งสมมาในอดีตนั้น แทบมีค่ากลายเป็นศูนย์ ในยุคนี้ เสียงดี ภาพลักษณ์ดี ไม่ใช่แค่คุณสมบัติเดียวของ ‘นักร้อง’ อีกต่อไป ถูกแล้วที่เธอจะกรีดร้องว่า “They are not singers.” วงตาตลีนั่นไม่ใช่นักร้อง
ด้วยในยุคนี้ การจะอยู่รอดให้ได้ในวงการที่มีการแข่งขันสูง บางครั้งศิลปินจะต้องเป็นให้ได้หลายอย่าง เพื่อช่วงชิงสายตา ความสนใจของผู้ชม ไม่เว้น การทุ่มเทจนตัวตนของตัวเองเปลี่ยนไป อย่างยากจะหวนคืนของ อเล็กซ์ คิม แม้จะดูเกินจริงไปมาก แต่ก็เป็นการตอกย้ำ ภาพการแลกวิญญาณเพื่อความสำเร็จของศิลปินยุคนี้ เมื่อคนดูและแฟนคลับไม่เพียงคาดหวังให้ศิลปินมีการแสดงที่ดี แต่คาดหวังมากไปถึงว่า ‘ขาย’ สิ่งไหนก็ต้อง ‘เป็น’ สิ่งนั้น ให้หมดทั้งวิญญาณและหัวใจ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะส่งผลอย่างไรกับเจ้าตัวก็ตาม
ในปีนี้ เราได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมบันเทิง ด้วยตาของตัวเองผ่านหน้าข่าวแทนในจอ ชีวิตที่กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของปลายฝัน และฤดูใบไม้ผลิของชีวิตศิลปินเจนซี จึงเป็นประเด็นที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ชมอย่างเราเป็นพิเศษ เพราะทุกการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ต้องมีคนที่ตายจากไป คนที่เสียจิตวิญญาณเพื่อเอาชีวิตรอด และสัจธรรมที่ว่า คนที่ยอมศิโรราบต่อการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ที่จะยืนหยัดอยู่ได้ในวงการนี้

นักแสดงไม่ได้มาเล่นๆ
แม้จะเป็นภาพยนตร์ตลก แต่เต็มเปี่ยมด้วยการแสดงที่ยังน่าประทับใจ ของทีมนักแสดงมากฝีมือ
- แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์ ในบท ปลายฝัน
แสดงให้เห็นว่าเธอทุ่มเทกับบทนี้ ทั้งร่างกายและหัวใจ ผลคือเราได้เห็นแจ็คกี้ที่หายไป กลายเป็นปลายฝันผู้กล้ำกลืนทำงาน เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเธอคืนมา สิ่งที่ทำได้ดีกว่าความคมของมุกต่างๆ คือความโกรธที่เอาไว้กลบเกลื่อนแววตาที่สั่นไหว ความมั่นหน้าที่ฉาบทับความมั่นใจในตัวเองที่แตกร้าว จนจะทลายลงเมื่อไหร่ก็ได้ และความหวังและสุขเล็ก ๆ ที่ออกมาทุกครั้งที่มีใครสนใจหรือชื่นชม
จนมากพอให้ผู้ชมเอาใจช่วยดีว่าที่ไม่น่ารักสักเท่าไหร่คนนี้ได้ไม่ยากเลย และทำให้เราแอบคิดไม่ได้ว่าหากดีว่า..ราวีเป็นภาพยนตร์ Midlife Passage ที่บอกเล่าเรื่องราวของดีว่า และการพยายามกลับมาของเธอแบบเต็มๆ เราจะได้เห็นอะไรจากเธออีก
- บ๊อบบี้-นิมิตร ลักษมีพงศ์ ในบท ป้ากบ
ทำให้ได้เห็นฝีมือของเขาอีกครั้งกับการแสดงที่สมบูรณ์แบบทั้งการใช้ภาษากายและการใช้เสียงในบทผู้จัดการดารา กลายเป็นตัวละครที่หลายคนจะต้องพูดว่า อยากจะมีคนแบบป้ากบสักคนในชีวิตอย่างแน่นอน เพราะทั้งอบอุ่น มั่นคง ใส่ใจ พร้อมที่จะล่มหัวจมท้ายไปจนตลอดชีวิตขนาดนี้
ทั้งเป็นอีกข้อพิสูจน์ว่าไม่ว่าจะตัวละครไหน อาชีพอะไร จะเป็นตัวร้ายสุดขีดหรือดีสุดใจ เขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกงานที่ได้รับ และทำให้บทนี้กลมได้อย่างน่าชื่นชม

- นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ ในบท คอปเตอร์
ครั้งแรกในการรับบทในภาพยนตร์ นอกจากผลงานของค่ายดูมันดิ ซึ่งทำให้เห็นฝีมือของนุนิวมากขึ้นไปอีก เพิ่มเติมจากผลงานที่หลากหลายของเขาในปีนี้
ถึงจะเป็นฉากเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัดส่วนฉากตลก แต่สิ่งที่โดดเด่นขึ้นมา คือการแสดงฉากที่คอปเตอร์เข้ากับปลายฝัน กับแววตาที่ทั้งชื่นชมและผิดหวังกับการเจอ ‘ตัวจริง’ ของฮีโร่วัยเด็ก เพิ่มน้ำหนักให้กับทางเลือกของคอปเตอร์ในเรื่องได้เป็นอย่างดี นับเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มาครบ ทั้งการแสดงที่ดีและเสียงร้องที่ไพเราะ ชวนให้ติดตามว่า นุนิวจะเติบโตในเส้นทางการแสดงได้ไกลแค่ไหน
- ปิงปอง ธงชัย ทองกันทม ในบท พิตต้า พี และ นินิว เพชรด่านแก้วในบบท ไลลา
มหาหิงค์ที่มาพร้อมพลังงานอันล้นเหลือ และเป็นส่วนสำคัญในการดันพลังงานของเรื่องให้ถึงบาร์ ต้องขอบคุณพลังความเชื่อของนักแสดงทั้งสองนี้เป็นพิเศษ ในการแสดงฉากเหนือธรรมชาติให้ดูเป็นธรรมชาติของเรื่องได้ โดยไม่ประดักประเดิด
- เก่ง หฤษฎ์ บัวย้อย ใน บท อเล็กซ์ คิม
นับเป็นอีกบทบาทที่ท้าทายความสามารถทางด้านภาษา กับการต้องร้องภาษาเกาหลี และพูดไม่ชัดแบบศิลปินเกาหลีพูดไทย ซึ่งการแสดงในเรื่องทำให้เห็นทั้งความหลากหลาย และพัฒนาการทางด้านการแสดงได้เป็นอย่างดี และหากเขาสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องสำเนียงและการใช้เสียง เก่ง หฤษฎ์ จะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ยอดเยี่ยมในอนาคต

‘ดีว่า..ราวี’ ผลงานคัมแบคของ เติ้ล กิตติภัค ทองอ่วม ในช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องการเสียงหัวเราะมากที่สุดช่วงหนึ่ง นับเป็นภาพยนตร์ที่สามารถแทรกข้อคิดบางอย่างไว้ใต้ความขบขัน (จะมากหรือน้อยแล้วแต่ความชอบของคุณผู้ชม) ได้เป็นอย่างดี
รับชม ‘ดีว่า..ราวี’ ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์










