ปัจจุบันกาแฟไม่ใช่แค่ของที่ดื่มตอนง่วง แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ การดื่มกาแฟกำลังกลายเป็นงานอดิเรกที่เชื่อมโยงทั้งอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และโลกใบใหม่
คนไทยนิยมดื่มกาแฟมากขึ้น จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่าในปี 2568 คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ยวันละ 1 แก้วเกือบทุกวัน หรือ 340 แก้วต่อคนต่อปี กระโดดขึ้นจากไม่กี่ปีก่อนที่ 180 แก้วต่อปี สะท้อนเทรนด์และตลาดที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
จากพฤติกรรมการดื่มกาแฟเฉพาะตอนง่วง กลายเป็นกิจกรรมของคนเจนใหม่ เกิดเป็นนิยามเรียกว่า ‘Café Hopping’ คือการแวะเยี่ยมชิมกาแฟหลายๆ ร้าน สัมผัสรสชาติแปลกใหม่ เพื่อถ่ายรูป อัพโหลดขึ้นโซเชียล และเน้นดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างมากกว่า
คำถามคือ แบรนด์เข้าใจความต้องการแบบใหม่ของผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหน? เพราะวันนี้พวกเขาไม่ได้แค่ถามว่า “อร่อยไหม” แต่ถามว่า “ดื่มไปเพื่ออะไร” การดื่มกาแฟในแต่ละครั้งของคนกลุ่มนี้เริ่มมองหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ให้อะไรที่มากกว่าเรื่องรสชาติ ซึ่งการดื่มกาแฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
ผลสำรวจจาก Mintel ระบุว่า กว่า 53% ของคนรุ่นใหม่อยากลิ้มลองรสชาติและตัวเลือกผลิตภัณฑ์กาแฟที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์สุขภาพที่มาแรง ทำให้ทางเลือกของส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นที่นิยมขึ้น เช่น นมธัญพืช หรือสูตรที่ลดน้ำตาล
ขณะเดียวกัน กาแฟ Specialty, กาแฟผสมมัทฉะ, กาแฟลาเต้ผสมนมอัลมอนด์, กาแฟปราศจากคาเฟอีน, กาแฟน้ำตาล 0% หรือกาแฟโปรตีนสูง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้บริโภคยุคใหม่กำลังสนใจ สะท้อนว่า กาแฟอาจไม่ใช่เครื่องดื่มที่ดื่มเพื่อให้ตื่นตัวแบบเดิม แต่ต้องให้อะไรใหม่ๆ ตั้งแต่ รสชาติ ประสบการณ์ หรือแม้แต่ให้ความสบายใจ
[ กว่า 44% ให้ความสำคัญเรื่องการพกพาสะดวก ]
ข้อมูลจาก Numerator บอกว่า ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials เกือบครึ่งหรือกว่า 44% ให้ความสำคัญกับเรื่อง ‘ความสะดวกสบาย’ เป็นลำดับแรกๆ จากวิถีชีวิตที่เร่งรีบและแรงกดดันจากสภาพสังคมและที่ทำงาน จำเป็นต้องปรับตัวต่อโลกที่กำลังผันผวนและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น กาแฟพร้อมดื่ม จึงตอบโจทย์เทรนด์ชีวิตของผู้คนวัยทำงานในยุคนี้ อย่างเช่น ‘เครื่องดื่มกล่อง’ ซึ่งข้อมูลจาก Tetra Pak ชี้ว่า แพ็คเกจประเภท ‘กล่อง’ ได้รับความนิยมในต่างประเทศมานาน ในตลาดไทยอาจจะมีบ้างแต่อยู่ในรูปแบบกระป๋อง หรือขวดแก้วมากกว่า
27% ของผู้บริโภคเจนใหม่ในช่วงอายุตั้งแต่ 18-24 ปี ยินดีจ่ายแพงขึ้น หากกาแฟที่ดื่มให้ทั้งความสุขและความตื่นเต้น ที่สำคัญคือให้ความสบายใจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
โดยเครื่องดื่มกล่อง ถือเป็นการสร้างความแตกต่างในเชิงการตลาดได้ รวมถึงตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและความยั่งยืน เพราะช่วยคงคุณค่าและรสชาติของผลิตภัณฑ์ภายในกล่องให้ปลอดภัย และยังปล่อยคาร์บอนต่ำ
เช่น กล่องเครื่องดื่ม UHT สามารถคงคุณภาพกาแฟได้ค่อนข้างนาน ผลิตด้วยวัสดุกระดาษเป็นหลัก สามารถนำมารีไซเคิลได้ และมีกระบวนการผลิตที่ปล่อยมลภาวะน้อยกว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกและกระป๋อง
ไหนๆ คอกาแฟก็เพิ่มขึ้นแล้ว ขณะที่คนไทยที่เป็นชาว Café Hopper ก็มีมากขึ้นด้วย ถ้าตลาดไทยมีผลิตภัณฑ์กาแฟรูปแบบกล่องเป็นตัวเลือกมากขึ้น ทั้งรสชาติ ความสดใหม่ และประสบการณ์ เหมือนย่อส่วนร้านคาเฟ่มาอยู่ในกล่องได้เป๊ะๆ ก็น่าจะเป็นสีสันการตลาดใหม่ที่ผู้บริโภคสนใจ และนั่นก็คงช่วยเซฟโลกได้อีกทางในระยะยาว
