ผบ.ตร.ประชุมเร่งรัดคดี คลี่คลายเหตุคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส เผยมีความคืบหน้าไปมากทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด พร้อมสั่งปูนบำเหน็จ 7 ขั้น ตร.ที่เสียชีวิต
จากกรณีคนร้ายลอบก่อเหตุ คาร์บอมบ์บริเวณแฟลตตำรวจ จ.นราธิวาส ซึ่งพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. บินด่วนลงพื้นที่กำชับทีมสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี และเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทุกราย เพื่อปลุกขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจและครอบครัว
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนสอบสวนเพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดี โดยระบุว่า จากการลงพื้นที่เกิดเหตุพบว่า เกิดความเสียหายค่อนข้างรุนแรง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 43 ราย ในทางคดี จากการประชุมติดตามเร่งรัด ผบช.ภ.9 ได้รายงานให้ทราบว่า มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร ทั้งพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด
เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถเข้ามาจอดทิ้งไว้และหลบหนีไป รายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมยังไม่สามารถบอกได้ อยู่ในสำนวนการสืบสวนสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะเร่งทำการสืบสวนคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือเยียวยา ได้สั่งการให้ ภ.9 และ ภ.จว.นราธิวาส เร่งแก้ปัญหาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดือดร้อน จัดหาที่อยู่ให้ชั่วคราว และเร่งซ่อมแซมแฟลตที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งวางมาตรการความปลอดภัยให้เข้มข้นไม่ให้เกิดขึ้นอีก
ส่วนกรณี ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ รองสารวัตรงานป้องกันปราบปราม ปฏิบัติงานจราจรและความมั่นคง สภ.เมืองนราธิวาส ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น พล.ต.อ. และเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงขึ้นไม่เกิน 2 ชั้นตรา รวมทั้งให้การช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของเงินช่วยเหลือต่างๆ นั้น ในเบื้องต้นรวมแล้วเป็นเงินประมาณ 3,774,760 บาท
ด้าน Human Rights Watch ประณามเหตุการณ์นี้ ชี้วิธีก่อเหตุต้องการให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ละเมิดสิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง เรียกร้องให้เร่งสอบสวนเพื่อเอาตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
