ถาม ‘ฌอน POEM’ แต่งตัวทำงาน ยังไงให้โซจึ้ง

ถาม ‘ฌอน POEM’ แต่งตัวทำงาน ยังไงให้โซจึ้ง

Work Life

มีโอกาสได้พบ ‘ฌอน-ชวนล ไคสิริ’ ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ POEM ในงานเปิดตัวยูนิฟอร์มใหม่ของกลุ่มวันสยาม (ONESIAM) ที่ดีไซน์โดย POEM เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดย TODAYBizview ได้ร่วมคุยมุมมองงานแฟชั่นดีไซน์กับ ‘ฌอน’ โดยให้ดีไซเนอร์คนดังแนะนำ ‘คนทำงาน’ ‘มนุษย์ออฟฟิศ’ ว่ามีทริกในการแต่งตัวให้เกิดความมั่นใจ หรือสร้างความน่าเชื่อถืออะไรได้บ้าง

‘ฌอน’ ซึ่งมาในชุดสูทเข้มสีกรมท่าและเสื้อเชิ้ตลายทางตรงเล็กริ้วสีฟ้าปกขาว บอกกับเราว่า

“อย่างแรก เราต้องรู้ว่าเราใส่เสื้อผ้าแบบไหน ถ้าคำแนะนำผม บางทีถ่ายรูปดูตัวเองในโทรศัพท์ แล้วเราต้องเอามาเทียบสัก 3 มุมก็ได้ วันนี้ลุคแบบนี้ วันนี้ใส่กางเกงแบบนี้ วันนี้ใส่กระโปรงแบบนี้ อีกวันหนึ่งใส่กระโปรงอีกทรงหนึ่ง มันจะมีอยู่ประมาณลุคหนึ่งที่เราจะรู้สึกว่าเราเป็นตัวเองแล้วมั่นใจมากที่สุด”

“วิธีที่ผมแนะนำคือ การดูตัวเองจากในรูป (กล้องโทรศัพท์มือถือ) สำหรับในเรื่องภาพลักษณ์ เป็นวิธีหนึ่งที่ผมใช้ แล้วหลายๆ ครั้ง ถ้าลูกค้าขอคำปรึกษาผม ผมก็จะให้คำแนะนำเรื่องนี้ เขาเรียกว่า Image Identity คำว่า Image คือเราจะไม่ได้ดูตัวเองในกระจกด้วย แล้วเราก็จะไม่ถามคนอื่น แต่เราดูตัวเองจากในรูป ในโทรศัพท์ก็ได้ง่ายๆ บางทีกับสี ต้องเป็นโทนสีไหน ถ้าเราจะดูเรื่องสี เราก็เลือกสัก 3 สี แล้วดูจากรูป ทุกวันนี้ก็ยังมีเรียน color analysis กันเลย บางคนใส่วอร์มโทน บางคนใส่คูลโทน อะไรอย่างนี้ สีผมก็ดูจากในรูปเหมือนกัน แล้วเรื่องรูปทรง ก็จะมองเห็นจากในรูป เพราะบางคนใส่ ถ้าเกิดมันสั้นเกินไปนิดหนึ่ง ความยาวผิด ก็จะเห็น หรือบางคนถ้ายาวไปก็ไม่ดี เพราะบางทีเกี่ยวกับความสูง แต่ทั้งหมดทั้งมวลผมจะให้ดูจากในรูป”

ถามต่อว่าแล้วถ้าไอเท็มที่ใส่แล้วดูเป็น professional อยากให้ลองยกตัวอย่างสัก 2-3 ไอเท็ม

‘ฌอน’ อธิบายว่า “คีย์ลุคที่ผมคิดว่า professional ได้ แล้วมัน flexible ขนาดที่บางทีไปอีเวนต์ได้ หรือถ้าบางสี ลุคเดียวกัน ไปประชุมทำงานตอนกลางวัน แล้วตอนเย็นไปงานแต่งงานได้ด้วย ผมแนะนำแพนท์สูท (pantsuit) สูทกางเกง ที่มีการตัดเย็บที่ดี อาจจะเข้ารูปนิดหนึ่ง ไม่ต้องเข้ารูปมากก็ได้”

“แต่สำหรับคนไทยถ้าสูงไม่ถึง 170 ผมไม่ค่อยแนะนำให้ใส่โอเวอร์ไซซ์ เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงที่ใส่โอเวอร์ไซซ์ แล้วมันดูพองเพิ่ม มันต้องมีความสูงที่มากพอที่จะ carry (แบก) ลุค เหมือนบอยเฟรนด์สูท (Boyfriend Suit) แล้วถ้าผู้หญิงที่สูงประมาณ 160 ถ้าใส่สูทที่มีคัตติ้งที่ดี แล้วเข้ารูปกำลังดี ความยาวกำลังดีเนี่ย มันเป็นลุคที่ Versatile (ใช้ได้หลายแบบ) ที่ไม่ว่าจะไปทำงาน ประชุม หรือตอนเย็นชุดเดียวกัน ไปอีเวนต์ได้ต่อ ของ POEM ก็เพิ่งจะเปิดไลน์สูทของผู้หญิง ที่เราจะทำแนว Day-to-Night ชุดเดียวกันได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นผู้บริหารเสร็จจากที่ทำงานไม่ต้องเปลี่ยนชุด ไปอีเวนต์ต่อได้เลย ไปงานแต่งงาน ไปปาร์ตี้ต่อได้

พูดถึงความนิยมตอนนี้ในเรื่องการแต่งตัวที่พูดกันมากคือ เราควรต้องรู้ว่าเราเหมาะกับ personal color แบบไหน?

TODAYBizview ถาม ‘ฌอน POEM’ ว่าสำหรับคนไทย ชุดทำงานสีกลางที่เพลย์เซฟที่สุด โดยที่ไม่ต้องรู้ personal color ของแต่ละคน สีกลางๆ สำหรับคนไทยในการเป็นชุดทำงาน แนะนำอะไร

“ถ้าอยากได้ความ empower สำหรับคนไทย ผมแนะนำสีกรม navy blue เพราะส่วนใหญ่คนไทยผมดำ การใส่สูทสี navy บางทีมันจะต้านเส้นตั้งตั้งแต่กะโหลก เส้นผม ที่เป็นสีดำ vertical line มันจะยาว แต่ถ้าลุคที่ soft ผมแนะนำสี light grey (เทาอ่อน เทาสว่าง) ก็จะดูเหมือนกับว่าไม่ได้หวานจนเกินไป แต่ก็ยังดู medium contrast จะดูละมุนมากขึ้น แต่ถ้าสูทดำก็ได้ แต่บางทีสูทดำที่มันทะมึนทั้งชุด มันจะเหมือนกับเป็นอีเวนต์กลางคืนมากกว่า สี light grey ก็เป็นโจทย์หนึ่ง คือผมเป็นคนชอบสีเทา ดีไซน์ของผมจะมีสีเทาอยู่ เพราะว่าด้วยความที่ผมจบจากสถาปัตย์ แล้วก็สมัยที่เรียนเราจะอยู่กับคอนกรีตอันเปลือยๆ เราก็เลยชอบ”

ถามกันต่อว่าแล้วไอเท็มหลักที่ควรมีติดตู้ ?

“ถ้าง่ายๆ นะ Pantsuit สีขาว กับ สีกรม กางเกงคนละทรงก็ได้ หรือจะทรงเดียวกันก็ได้ บางคนใส่ขากระบอกใหญ่แล้วดูขายาว ได้หมด”

คุยกันมาถึงตรงนี้เลยถามว่าถ้าพูดถึงคนไทยเรา ค่าเฉลี่ยบางทีเขาก็บอกว่าใส่สีเทาแล้วหน้าอาจจะไม่ค่อยสว่าง ?

‘ฌอน’ ตอบกลับว่า เพราะว่าเป็นคูลโทน (cool tone) ใช่ไหม จริงๆ เทาที่ใส่ได้อยู่มันมี เทาเป็นสีที่กว้างมาก มันมีตั้งแต่ cool ยัน warm ถ้า warm grey มันจะใกล้กับสีกากี บางคนเลือกเทาที่ไปทางเบจไปทางกากีพอดี ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ค่อยแนะนำเทาที่ออกฟ้ามาก มันใส่ยาก สีที่ผมเลือกให้ก็จะเป็นเทาที่ไปทางม่วงนิดหนึ่ง เพราะว่ามันใส่ง่ายกว่า ถ้าเทาสีคอนกรีตเลย ใส่แล้วหน้าจะเหนื่อย รายละเอียดพวกนี้ผู้หญิงควรจะรู้ เคล็ดลับคือดูจากรูป ด้วยแสงธรรมชาติ คือรูปในโซเชียล ซึ่งมันก็จะมีการแต่งภาพก่อนโพสต์ลงโซเชียล แต่การแต่งภาพจะไปในทิศทางไหน เราสามารถแต่งตัวให้ไปในทิศทางที่เราแต่งภาพได้”

ในมุมมองของ ‘ฌอน’ มอนเทรนด์ของการแต่งกายของคนไทยทั้งชายทั้งหญิง ตอนนี้เป็นยังไง ?

“ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้มันเป็นช่วงโพสต์โควิด มันยังอยู่ในช่วงที่โซเชียลมีเดียให้ข้อมูล ข้อมูลที่คนเอามาใช้ในการแต่งตัวเอามาจากโซเชียลมีเดีย แล้วก็นอกจากโซเชียลมีเดียวแล้ว แต่ละคนที่ต้องการ personal life การแต่งตัวเอง เขาไป research ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เนตบ้าง หรือว่ามันจะมี society อยู่ในโซเชี่ยลมีเดีย facebook คนที่แต่งตัวสายนี้ สายสตรีท หรือว่าสายคลาสสิก เพราะฉะนั้นเทรนด์ตอนนี้มันก็จะไม่มีกระแสหลัก มันจะมี personal interest ที่กระจาย เหมือนกับของใครของมัน แล้วแต่ละคนก็จะมีความมั่นใจของตัวเอง”

“แต่สิ่งสำคัญที่ผมจะคอยบอกลูกค้าทุกคน หรือว่าบอกน้องๆ ทุกคนที่อยู่ในทีม เราต้องเข้าใจเรื่องของสรีระก่อนการแต่งตัว ซึ่งสำคัญมาก เราต้องเข้าใจสรีระตัวเอง เข้าใจคาแร็กเตอร์และบทบาทของตัวเอง แล้วต้องให้ทุกอย่างมีอะไรที่สอดคล้องกัน อย่างผมตัวเตี้ยตัวเล็ก เราใส่โอเวอร์ไซส์ไม่ได้ เรารู้ เราจม แล้วโจทย์ไม่ว่ามีเทรนด์อะไรที่อยากจะรับเทรนด์มา ก็ต้องปรับให้มันเหมาะกับโครงสร้างของเรา คือความเข้าใจในเรื่องสรีระ เรื่องคาแร็กเตอร์ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้การแต่งตัวของเรามันยั่งยืน แล้วก็เราจะซื้อชุดๆ หนึ่ง เราจะลงทุนกับสูทชุดหนึ่ง สมมุติ 20,000 บาท แต่เรารู้ว่าอันนี้มันตรงกับโครงสร้างของเรา เราจะหยิบมาใส่ได้เป็น 5 ปี 10 ปี 20 ปีเลย”

“คุณลองผิดลองถูกได้ แต่ถึงจุดหนึ่งคุณก็ต้องเก็บดาต้า ต้องสร้างชุดข้อมูลของเราเองว่าหลักในการพิจารณาของตัวเราเป็นยังไง ผมเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ก็คุยเรื่องนี้ Image Identity คณะศิลปกรรม สาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ ออกแบบแฟชั่น เราดูโครงสร้างกระดูกของเราก่อน แล้วคนที่จะออกแบบต้องเข้าใจสรีระลูกค้าอะไรบ้าง เป็นชื่อคลาสว่า body typing system พูดถึงสรีระเรามี 16 กลุ่ม แล้วแต่ละกลุ่ม body type แบบนี้ ควรจะแต่งตัวแบบไหน”

“ที่จริงผมจะคุยเรื่องแบบนี้กับลูกค้าด้วยซ้ำไป ชุดเจ้าสาวอย่างนี้ หรือชุดเดินพรมแดง หรือเวลาเราเจอกันตัวต่อตัว เราวิเคราะห์ให้ แบบนี้นะ ถ้าสูงประมาณ 160 อย่าไปใส่แบบนี้ ไม่ได้ ถ้างั้นลองใส่ดูเลย มันไม่ได้จริงๆ อะไรอย่างนี้”

นอกจากต้องรู้เรื่องสรีระร่างกายตัวเอง กับ คาแร็กเตอร์ตัวเอง ยังต้องรู้เรื่องอะไรอีก สไตล์หรือสัญชาตญาณด้วยมั้ย ?

“บางคนบอกว่า มู ก็มี บางคนสีถูกโฉลกก็มี ก็ได้ ถ้าสบายใจ แต่บางทีเราก็ต้องมาดูว่าวิทยาศาสตร์ สมมติเราบอกว่าสีเขียว ตอนนี้เรามูสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ แต่ถ้าเราใส่เสื้อเขียวที่เป็นระนาบอยู่ด้านหน้า แล้วรีเฟล็กเขียวมา แล้วหน้าเราเทา เราอาจจะเบี่ยง เขียวให้ใช้เป็นกระเป๋า เป็นนาฬิกา ผมก็มูเขียวเหมือนกัน นาฬิกาเขียว ที่จริงผมเป็นมูเขียว ฮวงจุ้ยสีเขียว เขียวเหนี่ยวทรัพย์ ผมใส่เสื้อเขียวบางทีไม่รอด ไม่ค่อยสว่าง หน้ามันก็บางทีก็จะหมอง ก็จะมาใส่อะไรเล็กๆ เบี่ยง มันมีเหตุและผล รวมๆ ก็คือพยายามมีเหตุและผล ไม่ว่าจะเรื่องแต่งตัว เรื่องช้อปปิ้ง เราก็ลงทุนแบบที่มองว่ามันจะเป็นสิ่งที่ last long แล้วการใช้ชีวิตในมิติของแฟชั่นเรามันจะยั่งยืน อย่างน้อยมันก็ไม่ตามเทรนด์”

เป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยที่เก็บตกมาเล่าให้ฟังจากงานเปิดตัวยูนิฟอร์มภาพลักษณ์ใหม่สำหรับทีม Customer Engagement ของกลุ่มวันสยามที่ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่น POEM ซึ่งปีนี้แบรนด์ไทยที่ได้รับการยอมรับระดับสากลอย่าง POEM ได้เข้าสู่ปีที่ 20 แล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง
Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง