ในยุคหนึ่งการสมัครงานผู้สมัครจะเลือกพิจารณาจาก ‘เงินเดือน’ หรือค่าตอบแทนก่อนเสมอ แต่ล่าสุด Jobsdb by SEEK เผยว่าปัจจัยพิจารณาใหม่ที่กำลังมาแรงเปลี่ยนมาเป็น ‘สวัสดิการพิเศษ’ เช่น วันลาเพื่อสุขภาพจิต, วันลาเพื่อครอบครัว และวันลาสำหรับเบิร์ดเดย์
[ สวัสดิการพิเศษ ข้อเรียกร้องใหม่ของผู้สมัครงาน ]
ความสำคัญของคุณภาพชีวิตและสุขภาวะที่ดี (Well-being) มีความหมายมากขึ้นสำหรับคนยุคปัจจุบัน การลาหยุดเพื่อดูแลสุขภาพจิตและครอบครัวกลายเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่กำลังมาแรง เพราะนอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว กลายเป็นกลยุทธ์หลักที่องค์กรใช้เพื่อดึงดูดคนทำงาน รวมถึงรักษาบุคลากรได้ดีด้วย
วันลาพิเศษที่กำลังพูดถึง เป็นวันหยุดที่นอกเหนือจาก ‘วันลาพักร้อน’ ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานสำหรับคนทำงานอยู่แล้ว แต่ความต้องการที่หลากหลายของคนทำงานยุคใหม่ หลายองค์กรจึงได้มีการพิจารณาวันลาพิเศษ โดยเฉพาะด้านสุขภาวะเพิ่มเติม
ข้อมูลจาก Hiring, Compensation & Benefits (HCB) Report 2025 เผยว่า องค์กรจำนวนมากเริ่มเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อตอบสนองความเป็นอยู่ที่ดีในทุกด้านของพนักงาน
โดย 11% ขององค์กรมีแผนเพิ่มวันลาสุขภาพจิต (Mental Health Day Off) และ 15% เตรียมเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อดูแลครอบครัว (Family Care Leave)
นอกจากนี้ ‘วันลาในวันเกิด’ ยังคงติดอันดับวันลาที่คนทำงานสนใจและต้องการเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในการสร้างสภาพแวดล้อมที่องค์กรปฏิบัติต่อบุคลากรอย่างเป็น “มนุษย์” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรที่มีคุณภาพ
ขณะที่ทางด้าน ‘ดวงพร พรหมอ่อน’ กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย ได้กล่าวว่า “จากความเปลี่ยนแปลงที่มีอย่างต่อเนื่องในตลาดงานในไทยปี 2568 ผลักดันให้หลายองค์กรมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรในยุคที่วิถีของการทำงานเปลี่ยนไป ผ่านสวัสดิการที่ตอบโจทย์ ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจและความยั่งยืนในการทำงาน”
“การปรับตัวให้เข้ากับคนทำงานรุ่นใหม่และโลกการทำงานยุคดิจิทัลนั้นต้องอาศัยตัวแปรที่ดึงดูดความเชื่อมั่นของบุคลากรให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเราเชื่อว่าความยั่งยืนขององค์กรเริ่มต้นจากการดูแลคนหรือบุคลากรอย่างแท้จริง”
[ โปร่งใสเรื่องโบนัส/ขึ้นเงินเดือน ดึงดูดคนทำงานเช่นกัน ]
ปัจจุบันคำจำกัดความของ Well-being ในบุคลากรนั้นได้ขยายมิติไปมากกว่านั้นแล้ว เพราะไม่ใช่สุขภาพจิต สุขภาพกาย แต่รวมไปถึงความมั่นคงทางการเงินด้วย นอกเหนือจากเงินเดือนที่ดีแล้ว ความโปร่งใสในการให้โบนัสหรือขึ้นเงินเดือนของพนักงานก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความไว้ใจและแรงจูงใจในระยะยาว
ผลสำรวจของ Jobsdb by SEEK ระบุว่าองค์กรไทยกว่า 79% เปิดเผยวิธีการคำนวณและจ่ายโบนัสให้บุคลากรอย่างชัดเจน ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการสร้างระบบผลตอบแทนที่ยุติธรรมและตรวจสอบได้ ซึ่งช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและบุคลากรให้แน่นแฟ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาคนเก่งๆ ให้สามารถทำงานในองค์กรได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ด้านผลตอบแทนขององค์กรไทยในปัจจุบันยังคงให้ความสำคัญกับ ‘โบนัสตามผลงาน’ มากถึง 84%
และมีกว่า 85% ขององค์กรที่มีนโยบายปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น โดยอัตราการเพิ่มเงินเดือนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1–5%
ขณะที่ค่าเฉลี่ยโบนัสโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 1.8 เดือน แสดงให้เห็นว่าการสร้างความมั่นใจในด้านผลตอบแทนทางการเงินที่โปร่งใส เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม
ปี 2569 สำหรับคำว่า Well-being จะไม่ใช่เรื่องของวงสุขภาพอย่างที่เข้าใจ เพราะมิติเชิงความหมายได้ขยายขอบเขตไปไกลมากแล้ว ดังนั้น สวัสดิการที่ยืดหยุ่น วันลาพิเศษต่างๆ รวมถึงความโปร่งใสด้านผลตอบแทน จะสร้างความไว้วางใจและรักษาบุคลากรให้อยู่ในองค์กรได้ในระยะยาวได้










