ล้วงลึกการตลาดความเหงา ของแอปหาคู่ ผ่าน 4 สปีชีส์ เราเป็นเพนกวิน นก สุนัข หรือแมว?

ล้วงลึกการตลาดความเหงา ของแอปหาคู่ ผ่าน 4 สปีชีส์ เราเป็นเพนกวิน นก สุนัข หรือแมว?

Work Life

ใครที่เหงา โดดเดี่ยว เดียวดาย ใครที่เป็นโสด ไร้คนคุย ไร้คนคบ

เมื่อ 20 ปีก่อน อาจเป็นเรื่องหนักใจสำหรับคนที่ อายุ 30 ปีอัพ ยังหาแฟนไม่ได้ พรหมลิขิตไม่ได้ชักพาใครมาให้รู้จัก

เมื่อวันๆ อยู่ในสถานที่เดิมๆ เจอแต่คนหน้าเดิม การจะไปทอดสะพานให้ใครเดินเข้ามา หรือ หาจังหวะที่จะเดินไปทำความรู้จักอาจจะทำได้ยาก

แถมด้านได้ อายอด หรือ ด้านแล้วก็ยังแห้วกิน ผิดกับวันนี้ ใครๆ ก็ปัดซ้าย ปัดขวา สร้างสัมพันธ์ผ่านแอปพลิเคชั่น dating หลายคู่ ปัดจน match ได้คู่ชีวิต แต่งงาน จบแบบ Happy ending

แต่ก็มีหลายกลุ่ม ที่ใช้แอปหาคู่ ไม่ได้หาคู่ชีวิต แต่เอาไว้แก้เหงา

“ณัญญาณัฐ กิตติเจริญ” หรือ แนตตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Dating App ผู้ซึ่งเคยทำงานให้กับบริษัท 2 บิ๊กเทค ของโลกอย่าง google และ facebook

เธอฉายภาพความสัมพันธ์ของคนรุ่นปัจจุบัน ที่ผูกสัมพันธ์ผ่านการ “ปัดซ้าย-ปัดขวา” บน Dating App ว่า โลกเปลี่ยนไปมากๆ แต่ในไทยไม่ค่อยมีใครพูดถึง

”เราถูกคนน่าจะคุ้นชินกันอยู่แล้วกับ linear flow ความสัมพันธ์แบบเส้นตรง โสดมั้ย โสดมั้ย โสดมั้ย ถ้าโสดก็จะถูกถามว่า มีแฟนหรือยัง หลังจากมีแฟนหรือยังก็จะมี แต่งงานหรือยัง เมื่อไหร่จะมีลูก flow จะเป็นอย่างนี้ตลอด“

โสด! แปลว่าไม่แฮปปี้
มีแฟน! แปลว่า แฮปปี้

และจะมีแฮปปี้มากขึ้นถ้าแฟนที่คบกันมาลงเอยที่แต่งงานกัน

“แต่โลกแห่งอนาคต หรือปัจจุบัน linear flow มันไม่ใช่เสมอไปอีกต่อไป เวลามีแฟนหรือเปล่า เวลาเราถามส่วนใหญ่จะนับแค่ 1 คน แต่อนาคตจะถามว่า มีแฟนกี่คน วันนี้แฟนคนไหนมารับ หรือ casual และ fluid (ไม่ตายตัว) มากขึ้น มีแฟนเป็นผู้หญิง มีแฟนเป็นผู้ชาย มีแฟนเป็นไบ มีแฟนเป็นอะไรก็ได้”

“สุดท้ายก็คือการแต่งงานไม่ได้เป็นเป้าหมายอีกต่อไป แต่งงานทำไม ทำไมจะต้องเป็น end goal ตรงนั้น เพราะเส้นทางของความสัมพันธ์เปลี่ยนไป”

เธอยกตัวอย่าง รีเสิร์ชตัวหนึ่งของ The Harris Poll ที่ทำสำรวจเกี่ยวกับชาวอเมริกันที่โสดในปี 2023 พยายามเปรียบเทียบความสัมพันธ์หลายๆ รูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน เหมือนกับใน Animal Planet ว่าแต่ละสปีชีส์ เป็นอย่างไรบ้าง

โดยมีมี 4 สปีชีส์หลักๆ

1.ความสัมพันธ์แบบ serious relationship รักจริงหวังแต่ง ความสัมพันธ์แบบจริงจัง ความสัมพันธ์แบบนี้เปรียบเทียบกับเพนกวิน เพราะโมเมนต์เพนกวินโสดตัวหนึ่ง หลงรักเพนกวินอีกตัวหนึ่ง เขาพยายามไปหาก้อนหินที่สวยที่สุดในสายตาของเขา และมอบก้อนหินให้อีกตัวหนึ่งที่มันรัก แล้วจะผูกกันอย่างเป็นทางการตลอดไป จะรักจริงกับตัวนี้ forever ความสัมพันธ์แบบนี้มีทุกเจเนอเรชั่น แต่ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน boomer

เทียบกับอากง อาม่า อากงขึ้นสวรรค์ไปแล้ว อาม่าก็ไม่ได้มูฟออนไปแฟนใหม่ และค่อยๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ เจน X เจนมิลเลเนียล หรือ เจน Z ไม่ค่อยอินกับความสัมพันธ์แบบเพนกวิน

2.ถ้าเราลดความซีเรียสลงมานิดหนึ่ง มาเน้นสบายๆ แบบ friends with benefit เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ หรือ แบบหาเพื่อนกินหมาล่า หาเพื่อนกินเบียร์ หาเพื่อนไปงานกาชาด อาจเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่จำเป็นต้องรักจริงหวังแต่ง เปรียบความสัมพันธ์นี้เป็น “นก”

นก เวลาสร้างรังขึ้นมาจะค่อยๆ เอากิ่งไม้มาสร้างเป็นรังให้วางไข่ ตั้งใจในความสร้างความสัมพันธ์นี้แน่นอน แต่นกหลายๆ ตัว บางทีพระอาทิตย์ขึ้นก็อยากจะบินไปลั้นลาบ้างเล็กน้อย จะไม่ได้บอกว่าไปไหน ไม่ได้บอกว่ากี่โมง แต่ยังไงก็กลับมารังนี้

ความสัมพันธ์นี้จะเน้นมากขึ้นในเจน X ส่วนใหญ่มีคอนเซปต์ สายลับจับบ้านเล็ก คลับฟรายเดย์ มีเมียน้อย ผัวน้อยขึ้นมา ในคอนเซปต์สังคมตะวันตก จะมีคอนเซปต์ที่เรียกว่า work wife กับ work husband มีแฟนพิเศษในที่ทำงาน แต่โมเมนต์ที่เลิกงานก็กลับไปที่คู่หลัก

3. แบบ casual กว่านี้อีกนิดหนึ่ง เป็นความสัมพันธ์แบบ “สุนัข” เป็นความสัมพันธ์ที่มองว่าโลกนี้มีโอกาสเยอะแยะมากมาย golden retriever ถ้าสมมติเราอยู่ใน hall ใหญ่ๆ และมีคนเยอะๆ ปล่อยน้อง golden มาตัวหนึ่ง เขาจะทักทายทุกคน เพราะเป็นโอกาสที่จะได้เล่นด้วย

ความสัมพันธ์แบบหมาจะเป็นยุคเจนมิลเลเนียล เพราะเป็นเจนที่อินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟนเข้าถึง และเป็นเจนแรกที่มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือ ทำงานต่างประเทศ ทำให้เข้าใจว่าเราไม่ต้องคบคนในหมู่บ้าน คบคนแค่ในกรุงเทพ คบคนที่ไหนก็ได้ มีแฟน 100 คนก็ได้ เป็นความสุข ความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่ง เป็นแบบ The world is your oyster เพราะ opportunity มันเพียบ

4.ยากสุดที่จะอธิบาย เพราะเป็นเทรนด์ เป็นแบบ super casual ที่สุด เป็นความสัมพันธ์แบบแมว คือ ถ้าเราปล่อยน้องแมวไปอยู่ใน hall ที่มีคนเยอะๆ น้องแมวคงไปหลบหลังเวที แต่เบื่อเมื่อไหร่ต้องการให้คนเกาพุงเมื่อไหร่ก็จะออกมา แมวไม่ได้จงรักภักดีต่อเจ้าของเลย อาจจะเป็น one night stand หรือ DTF ย่อมาจาก Down to Fuck ในโลกใบนี้ไม่ใช่คำหยาบ เป็นคำพูดธรรมดา

ถ้าเราใช้แอปหาคู่ทั่วไป พิมพ์มาว่า DTF? สะดวกไหม มีคำตอบ แค่ 3 อันยอดฮิต pic? ในการช่วยตัดสินใจ where ที่ไหนดี บ้านฉันหรือบ้านเธอ หรือ ถ้าไม่สะดวกก็คือไม่ตอบ ไม่ต้องมีอธิบายใด ๆ แค่ไม่ต้องพูดอะไร

ความสัมพันธ์แบบแมวคือ “คัน” ก็ไป “เกา” ถ้าไม่คันก็ไม่ต้อง เอาฉันเป็นหลัก โดยทึ่ความสัมพันธ์แบบแมว หลังจากเกาเสร็จแล้วไม่ต้องถามเลยว่านี่เราเป็นอะไรกัน เราไม่ต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้ แค่นั้นจบ…มันมีจริงๆ ในสังคมแต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง

ความสัมพันธ์แบบ “แมว” เกิดขึ้นในเจน Z อายุ 18-24 เป็นหลัก เพราะ Social media first เอาความต้องการของตัวเองเป็นอันดับหนึ่งก่อ่น

“เวลาเล่าเรื่องนี้ให้หลายเจนฟัง มีพี่หลายคนบอกว่า แมวน่าจะมีแต่ผู้ชาย เพราะผู้หญิงครั้งเดียวไม่ได้หรอก แต่จริงๆ แล้วแมวผู้หญิงเยอะมากค่ะ โอเคมันต้องค่อยๆ ล้างความเข้าใจตรงนี้“ แนตตี้ กล่าว

”สิ่งที่ต้องปูความคิดคือไม่มีสปีชีส์ไหนเจ๋งกว่าสปีชีส์อื่น ทุกคนเท่ากัน และเราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับกันและกัน ปัญหาของสังคมตอนนี้เราพยายามพูดภาษาเพนกิวนกับแมว แมวก็รู้สึกว่าทำไมไม่มีใครเข้าใจ หรือ เราพยายามพูดภาษาเพนกวินกับสุนัข เลิกรักๆ เลิกๆ ได้แล้ว รักจริงหวังแต่งได้แล้ว เมื่อไหน่จะจริงจังเรื่องความรัก แต่ไม่ใช่..ทุกคนเหมือนกันไม่มีถูกมีผิด“

“สื่อต่างๆ หรือ ละครต่างๆ พยายามให้เพนกวินเป็น No.1 อยู่ การมีความสัมพันธ์แบบเพนกวิน การจบแบบได้แต่งงานคือ Happy ending ที่ถูกต้อง แต่ว่ามันค่อยๆ เปลี่ยนว่าความสำพันธ์ที่ไม่ต้องจบด้วยการแต่งงานก็เป็น Happy ending ได้ หรือ จบความสัมพันธ์แบบ move on ก็เป็น Happy ending ได้“

“ถ้าเรายกเจ้าหญิง disney จบด้วยการแต่งงาน แต่เรื่องใหม่ๆ เขาพยายามจะถอย เรื่องการมีคู่ออกไป“
“วันนี้วาระและโอกาสเราอาจจะเป็นแมว แต่ในอนาคตเราอาจเปลี่ยนเป็นเพนกวินก็ได้ จะกลายร่างกันไปเรื่อยๆ หรือมีหลายคู่ที่แต่งงานแบบเพนกวินไปแล้ว แต่สุดท้ายหย่ากัน กลายเป็น single mon single dad และเราไม่อยากหาคู่ครองแบบเพนกวินอีกต่อไป อยากจะเลิกเล่นเป็นเพนกวิน หันมาเป็นแมวต่อจากนี้ไปก็โอเค ไม่ผิดเลย“

”ตอนนี้ที่เราอยู่ยากเพราะอาจเราเกรงใจเพนกวิน อาจจะต้องรอให้ความสัมพันธ์แบบเพนกวินสูญพันธุ์ไปก่อน หรือ รอให้สื่อต่างๆ มันเปลี่ยน แล้วมีการยอมรับกันมากขึ้น และเราถึงจะมาเผยธาตุแท้ว่าเราเป็นอะไรกันแน่“

“แนตตี้” เผยข้อมูลว่า วันนี้มี Dating App ประมาณ 1,500 แอปพลิเคชั่นบนโลกใบนี้มันเยอะมาก และแต่ละแอปตอบโจทย์แต่ละสปีชีส์ต่างกัน เช่น coffee meets bagel , Hinge หรือ The League ก็จะเป็น Super serious สุดๆ หารักจริงหวังแต่ง การันตี หรือ meet and lunch หรือ Time left หรืออีกฝั่งหนึ่ง คือแบบแมว คันก็เกา เช่น Grinder, Archer มีอีกหลายแอปที่อยู่วงการ แต่ละธุรกิจตีแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน

Dating app ทั่วโลก กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่คือเจน Z เป็นหลัก คือ อายุ 18-24 แต่เจน Z ทั่วโลกมีการเปลี่ยนไป เจน Z เป็นเจนที่น่าสงสารที่สุด เพราะเป็นเจนที่ born with intention ตั้งใจที่จะมีน้องคนนี้มาก เมื่อเกิดพร้อมความคาดหวังอาจจะเกิดภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งกลายร่างเป็น action หลายๆ อย่าง

เด็กอายุ 18 ตอนนี้ เหมือนเด็กอายุ 15 ไม่เคยแอบกินเหล้า ไม่กล้า ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแอบขับรถตอนอายุ 18 ถ้าเทียบกับอายุอากง อาม่า กินเหล้ากันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หรือ ยุคคุณพ่อ คุณแม่ ไม่มีใครเก่งเท่าแม่คุณค่า แซ่บซ่า แต่อายุ 18 ทุกวันนี้ไม่แซ่บไม่ซ่า โลกโซเชียลที่เขาโชว์กับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ ไม่เหมือนกัน เป็นรุ่นที่แบกความหวังของคนของหมู่บ้าน

มีรีเสิร์ชที่มีโอกาสไปทำที่สิงคโปร์ ถามเด็กอายุ 18 ว่าอยากมีแฟนไหม ทุกคนบอกว่าไม่อยาก เพราะอยากกลับบ้านไปอ่านหนังสือ เพราะเขากังวลเรื่อง career path ของเขามาก เขาไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง กลัวที่จะมีอนาคตที่ดีไม่พอในสายตาอากง อามา และพ่อ แม่ แทนที่จะไปลั้นลาตั้งแต่อายุ 18 เหมือนยุคก่อน

เมื่อประเทศพัฒนาแล้วทั้ง อเมริกา สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น พูดแบบนี้ การใช้ dating app จึงลดฮวบลงมากๆ

แต่ญี่ปุ่นทุกวันนี้เพิ่งออกกฎหมายให้เพื่อนสนิทแต่งงานกันได้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สิงคโปร์ อยากให้คนแต่งงานเร็วขึ้น คู่สามีภรรยาที่มีรายได้รวมกันไม่เกินเท่านี้ รัฐบาลลดราคาให้ 30% รณรงค์ให้คนแต่งงานเร็วจะได้มีลูกเร็วขึ้น วันนี้รัฐบาลสิงคโปร์ จัดอีเวนต์ปาร์ตี้คนโสด เพราะประชากรของเขาอยากกลับบ้านอ่านหนังสือ

ประเทศอื่นๆ กำลังลองผิดลองถูกอยู่อันไหนเวิร์ค อันไหนไม่เวิร์ค
แน่นอนว่า App หาคู่ในไทย มีตอบโจทย์สปีชีส์ทั้ง 4 ประเภท นั่นเอง

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง