สธ.เผย ตัวเลขผู้ป่วยโควิดอาการหนัก – ใส่ท่อช่วยหายใจ ค่อยๆ ลดลง แต่ยังย้ำให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่าประมาท มีโอกาสตัวเลขกลับมาพุ่งได้เสมอ
วันที่ 14 ก.ย. 2564 นพ.เฉวตรสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่า ภาพรวมการฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 40,953,025โดส โดยเป็นเข็มที่ 1 อยู่ที่ 27,540,743 ราย คิดเป็น 38.2% ส่วนเข็มที่ 2 อยู่ที่ 12,795,707 ราย คิดเป็น 17.8% และเข็มที่ 3 อยู่ที่ 616,575 ราย ข้อมูลการฉีดวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย ซึ่งฉีดไป 116 ล้านโดส ไทยเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 40 ล้านโดส
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปอดอักเสบที่รายงานวันนี้อยู่ที่ 4,080 ราย ซึ่งเมื่อดู 7 วันย้อนหลัง ( 7-13 ก.ย.) ลดลงจาก 4,387 ราย ค่อยๆ ลดลงมา เช่นเดียวกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ใส่ท่อช่วยหายใจวันนี้ 818 ราย ซึ่งลดมาจาก 7 วันที่ผ่านมา จาก 960 รายลดลงมาเรื่อยๆ ถือเป็นสัญญาณที่ดี สิ่งนี้เกิดมาจากความร่วมมือร่วมใจในเรื่องการล็อกดาวน์ เพราะทำให้ลดการสัมผัส ลดการเดินทาง พบเจอกันโดยไม่จำเป็น
แนวโน้มการเสียชีวิต ตัวเลขเมื่อวันที่ 8 ก.ย. จำนวน 228 ราย แต่ตัวเลขค่อยๆ ลดลง ขณะที่ภาพรวมการเสียชีวิตวันนี้ 136 ราย ยังพบอายุ 60 ปีขึ้นไป 71% อายุน้อยกว่า 60 ปีอยู่ที่ 21% รวมเป็น 92% นอกนั้นไม่มีประวัติโรคเรื้อรัง 8% พบว่าเป็นชาย 78 ราย หญิง 58 ราย ปัจจัยเสี่ยง มีโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วน ยังคงเหมือนเดิม
นพ.เฉวตรสรร กล่าวอีกว่า เมื่อถามว่ามีปัจจัยอะไรที่อาจเห็นตัวเลขเดือน ต.ค. ขึ้นมาอีก นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า จากการเจอผู้ป่วยและมีการสอบสวนโรคก็ไม่ชัดเจนว่าติดจากไหน แต่ก็อาจมาจากกลุ่มคนใกล้ชิด ดังนั้น มาตรการป้องกันโรคครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention ต้องเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ช่วงล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ทำให้ห่างไกลกัน เมื่อมีการผ่อนคลายก็อยากไปพบเจอ จึงขออย่าเพิ่งทำ เพราะหลายประเทศก็ยังพบการติดเชื้อ
“ จากการติดตามสถานการณ์ จุดสูงสุดประมาณกลางเดือน ส.ค. แนวโน้มยังลดลงต่อเนื่อง แต่ให้ระมัดระวัง เพราะจากการคาดประมาณการณ์หลังจากประชาชนผ่อนคลายมาตรการเปิดกิจกรรมต่างๆ อาจสัมผัสเชื้อได้ ซึ่งข้อเท็จจริงก็เจอกลุ่มก้อนเล็กๆ อย่างการรับประทานหมูกระทะ วงอาหารที่รับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้น อย่าเพิ่งวางใจเรื่องเหล่านี้” นพ.เฉวตสรร กล่าว
