สธ. เตือนสถานการณ์โควิด-19 “ระดับ 3” ด้าน นพ.เกียรติภูมิ ปลัดสธ. เผยฉากทัศน์สถานการณ์โควิด-19 ปีหน้า เลวร้ายที่สุด ผู้ติดเชื้ออาจถึง 3 หมื่นคน ผู้เสียชีวิต 170-180 คนต่อวัน
วันที่ 27 ธ.ค. 2564 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ฉากทัศน์สถานการณ์โรคโควิด-19 คาดการณ์ผลจากมาตรการป้องกันควบคุมโรค ไตรมาส 1 ปี 2565 เปรียบเทียบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ภาพรวมประเทศว่า ปัจจุบันเรามาถึงทางแยกอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนเข้ามา ซึ่งโอไมครอนมีศักยภาพในการระบาดค่อนข้างสูง ขณะนี้กำลังเฝ้าระวังอยู่ สมมุติถ้าเราไม่ได้ทำอะไรจะมีการระบาดและควบคุมได้ยาก ใช้เวลาอีก 3-4 เดือนในการควบคุม ซึ่งการติดเชื้อรายวันอาจจะถึง 30,000 ราย แต่ถ้าสมมุติเราควบคุมได้ดี เราอาจจะอยู่ในระดับประมาณหมื่นนิดๆ และสามารถควบคุมโรคได้โดยเร็ว ประมาณ 1-2 เดือน ตัวเลขก็จะลดลงมา แต่ถ้าเราทำได้ปานกลางตัวเลขจะอยู่ประมาณ 15,000 – 16,000 ราย และจะค่อยๆ ทรงตัว ลดลงในที่สุด

ทางกระทรวงสาธารณสุข ปรึกษาหารือกันแล้วอยากจะให้เป็นเส้นสีเขียว เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมมือกันอีกทีหนึ่ง เราไม่อยากล็อกดาวน์ประเทส แต่เราต้องพยายามที่จะป้องกันตรงนี้ และระบบสาธารณสุขก็จะเตรียมการรองรับอย่างเต็มที่ต่อไป ส่วนการเสียชีวิต ถ้าไม่ทำอะไรเสียชีวิตวันละ 170-180 คนต่อวัน ทำได้ดีจะผู้เสียชีวิต 60-70 ราย เราใช้พื้นที่ฐานของการติดเชื้อที่มีการกระจายได้สูง แต่ความรุนแรงต่ำ อัตราตายอาจไม่สูงมากนัก พยายามที่จะควบคุมอัตราการเสียชีวิตได้มากที่สุด โรคนี้อยากจะทำให้ป่วยได้แต่ไม่ตาย ต้องพยายามรักษาชีวิตให้ได้มากที่สุด พยายามควบคุมโรคให้ได้ ลดอัตราการตายให้ได้มากที่สุด

ปลัดสธ. ยังให้ความมั่นใจสถานการณ์เตียงในประเทศ ปัจจุบันมีเตียง 178,139 เตียง ใช้ไปเพียง 13.7 % แบ่งเป็นเตียงผู้ป่วยเกณฑ์อาการสีแดง มี 4,955 เตียง ใช้ไป 31.6% เตียงสำหรับผู้ป่วยเกณฑ์สีเหลือง 60,928 เตียง ใช้ไป 25.6% ส่วนเตียงผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียวมี 112,256 เตียง ใช้ไป 6.4 %
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สธ.ประเมินสถานการณ์และประกาศแจ้งการเตือนภัยด้านสาธารณสุขเป็นระดับ 3 โดยมีสัญญาณเสี่ยง คือ การติดเชื้อจากต่างประเทศ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคครอบจักรวาล หรือ UP ขณะเดินทาง หรือพำนักต่างประเทศ รวมถึงคลัสเตอร์ในประเทศ จากการทานอาหารและดื่มสุราในร้านอาหารที่เป็นระบบปิด บาร์ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ใกล้ชิดกันมาก

ทั้งนี้ ระบบเตือนภัยจะมีทั้งหมด 5 ระดับ คือ
– ระดับ 1 ใช้ชีวิตได้ปกติ
– ระดับ 2 เร่งเฝ้าระวัง คัดกรอง
– ระดับ 3 จำกัดรวมกลุ่ม
– ระดับ 4 ปิดสถานที่เสี่ยง
– ระดับ 5 จำกัดการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ
ซึ่งจะมีการกำหนดมาตตรการตามระดับเตือนภัยทั้ง 5 ระดับด้วยปัจจุบันเตือนภัยระดับ 3 สามารถไปสถานที่เสี่ยงอย่างร้านอาหารได้ แต่ถ้าจำเป็นควรเป็นร้านอาหารเปิด ไม่แออัด สถานที่ที่รวมตัวกันหมู่มากต้องไม่เกิน 200 คน และทุกอย่างต้อง COVID-19 Free Setting

เดินทางข้ามจังหวัดทำได้ Work From Home (WFH) 20-50% ขอให้มีการตรวจ ATK และย้ำมาตรการป้องกันครอบจักรวาล ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศขอให้ชะลอไปก่อน และเข้าประเทศก็เป็นระบบแซนด์บ็อกซ์ เพราะ Test & Go มีการชะลอชั่วคราวแล้ว
เมื่อมีการแจ้งเตือนภัยด้านสาธารณสุขเป็นระดับ 3 สิ่งที่ต้องเน้นย้ำ และขอความร่วมมือ ได้แก่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID-19 Free Setting อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะสถานที่เสี่ยงระบบปิด เช่น ร้านอาหารที่เป็นห้องปรับอากาศ อยู่ที่แออัด พนักงานจะต้องฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน รวมถึงต้องสุ่มตรวจ ATK เป็นระยะ และคัดกรองลูกค้าก่อนรับบริการ เว้นระยะห่าง ซึ่งที่มาผ่านพบว่าดำเนินการได้ดี แต่ยังพบหลายร้านย่อหย่อนไปบ้าง เช่น พนักงานมาใหม่ ไม่ได้ตรวจสอบการฉีดวัคซีน และหลายครั้งมีคนไปรวมกันหนาแน่น การรอคิวที่ไม่เว้นระยะห่าง ผู้ประกอบการต้องจัดระบบรอคิว มีการจองล่วงหน้า










