‘พล.ต.ต.จิรสันต์’ รองผบช.น. เผยคดีชนบนทางด่วน พบสารเสพติดในเลือดคนขับรถเบนท์ลีย์

‘พล.ต.ต.จิรสันต์’ รองผบช.น. เผยคดีชนบนทางด่วน พบสารเสพติดในเลือดคนขับรถเบนท์ลีย์

วันนี้มีความคืบหน้าคดีดังชนบนทางด่วน ล่าสุด ‘พล.ต.ต.จิรสันต์’ รองผบช.น. เผยพบสารเสพติดในเลือดคนขับรถเบนท์ลีย์ เตรียมเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 เกิดเหตุนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือ จั๊บ ขับรถหรูยี่ห้อ ‘เบนท์ลีย์’ ขับรถพุ่งชนท้ายรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถยนต์มิตซูบิชิเ สียหลักไปชนรถดับเพลิง อปพร.บางรัก เสียหาย 3 คัน ซึ่งทำให้มีผู้บาดทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน

ซึ่งในวันเกิดเหตุ นายสุทัศน์ไม่ได้เป่าแอลกอฮอล์ อ้างว่าเจ็บหน้าอก หลังจากนั้นตำรวจจึงส่งตัวไปตรวจแอลกอฮอล์ที่โรงพยาบาลตำรวจแทน แล้วผลก็ออกมาว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด หมายความว่าไม่ได้เมานั้น

โดยเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายสุทัศน์ ใน 3 ข้อหา คือ 1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส 2. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย และ 3.ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ พร้อมนำตัวฝากขังต่อศาล

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก (แฟ้มภาพ)

ล่าสุดวันนี้ (13 ม.ค. 66) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) และโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้เปิดเผยผลการตรวจเลือดของนายสุทัศน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ว่า พบสารเสพติด ประเภท เมทแอมเฟตามีน และมีสารอื่นๆ อยู่ในร่างกาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการแยกสารประกอบว่าเป็นยาเสพติดประเภทใด จากนี้ตำรวจเตรียมเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา “เสพยาเสพติดขณะขับรถและข้อหาอื่นๆ” เพิ่มเติมต่อไป

ผบ.ตร.ย้ำทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุต้องตรวจแอลกอฮอล์

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตอบคำถามที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของตำรวจในคดี โดยยืนยันว่า ให้ตรวจสอบการทำงานของตำรวจได้ทันที ซึ่งขณะนี้คดีดังกล่าว ตำรวจนครบาลได้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีเมาแล้วขับไปแล้ว เพราะถือว่าไม่ได้ตรวจตั้งแต่ต้น

ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน “ร้อยเวร” ที่รับทำคดีดังกล่าว หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามระเบียบก็จะต้องถูกลงโทษ ขณะเดียวกัน “หัวหน้าสถานี” ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าทุกอย่างทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือกันแน่นอน

ส่วนทำไมสถานีตำรวจจึงไม่มีเครื่องตรวจแอลกอฮอล์นั้น ผบ.ตร.ยอมรับว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในประเด็นนี้ แต่ได้เคยย้ำกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไปแล้วว่า ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุจะต้องมีการตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ประสบเหตุเสมอ หากจุดเกิดเหตุไม่มีเครื่องตรวจ ต้องตรวจที่โรงพยาบาล

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายสุทัศน์ คนขับรถเบนท์ลีย์ เคยถูกศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ของกองบังคับการปราบปรามคดีเศรษฐกิจ ในสมัย พล.ต.ต.โกวิท วงศ์รุ่งโรจน์ เป็น ผบก.ปอศ. จับกุมในข้อหานำเข้ารถยนต์มีพฤติการณ์ส่อว่า หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร นำเข้าโดยสำแดงเอกสารเป็นเท็จ ทางดีเอสไอ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับกลุ่มรถหรูที่ดีเอสไอรับผิดชอบด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ กำลังตรวจสอบบุคคลที่ให้ข่าวว่า มีอดีตอธิบดีดีเอสไอเข้าไปช่วยเหลือทางคดีว่าเป็นคนในหน่วยงานหรือไม่ เพราะตามข้อกฎหมาย หากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร จะเอาผิดโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าเป็นจะคนในหรือคนนอก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

เปิดมุมมอง ‘นักวิชาการ-นักกฎหมาย’ กว่าจะได้ตรวจเลือด ‘เบนท์ลีย์’ ชนบนทางด่วน

ตร.แจ้ง 3 ข้อหาคนขับเบนท์ลีย์ ให้ประกันวงเงิน 1 แสนบาท

เปิดข้อมูล กู้ภัย VS ตำรวจ ไล่ไทม์ไลน์เบนท์ลีย์ชนบนทางด่วนถึงจุดตรวจเลือด

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง