อาชญาวิทยากลายเป็นศาสตร์ที่ถูกพูดถึงกันมากยิ่งขึ้นในประเทศไทย เมื่อถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการอธิบายและไขคดีอาชญากรรมต่างๆ ที่ได้รับความสนใจ แต่แท้จริงแล้วศาสตร์นี้มีมานานกว่า 200 ปี
รายการ HEADLINE สำนักข่าว TODAY ชวนทำความรู้จัก ‘อาชญาวิทยา’ กับ ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล
[บทบาทอาชญาวิทยา]
อ.ตฤณห์ โพธิ์รักษา เริ่มต้นด้วยการฉายภาพให้เห็นว่า อาชญาวิทยาในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ได้เข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์คดี และให้ความเห็นในด้านของพฤติกรรมและการกระทำความผิดมากขึ้น ผ่านทางสื่อสารมวลชนไทย แต่แท้จริงแล้วอาชญาวิทยามีมากว่า 200 ปี และเป็นศาสตร์ที่มีในประเทศไทยหลายสิบปีแล้ว
หากมองในมิติด้านสังคมศาสตร์ อาชญาวิทยามีความสำคัญในการทำความเข้าใจกระบวนการ หรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของสังคม อย่างคำถามที่ว่า การกระจุกตัวของชุมชนแออัด ส่งผลทำให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้นเนื่องจากอะไร โดยศาสตร์ดังกล่าวจะอธิบายในแง่ของกายภาพ มิติสังคม สถาบันครอบครัว จึงเป็นการทำให้เรื่องใกล้ตัวสามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
“ผมคิดว่ามิติการทำความเข้าใจอาชญากรรม ใช้ศาสตร์แค่นิติศาสตร์ จิตวิทยา หรือว่าใช้กระบวนการบำบัดเยียวยาอย่างเดียว ไม่พอในการทำความเข้าใจตัวผู้กระทำผิด และก็ตัวเหยื่อ ฉะนั้นจึงมีการนำศาสตร์อาชญาวิทยามาอธิบายเพิ่มเติม ให้เข้าใจที่มา การป้องกัน หรือสาเหตุจุดเริ่มต้นของการเกิดขึ้นของอาชญากรรม” ดร.ตฤณห์ กล่าว
การทำความเข้าใจบริบท และองค์ประกอบในทุกมิติ อันเป็นสาเหตุให้เกิดอาชญากรรมในสังคม จึงเป็นบทบาทสำคัญของอาชญาวิทยา ซึ่งทำความเข้าใจอาชญากรในมิติของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เพียงแค่คนชั่วที่กระทำความผิด และต้องได้รับการลงโทษเท่านั้น แต่เป็นการศึกษาถึง “ความผิดปกติ” ในด้านของสภาพร่างกายและจิตใจ รวมไปถึง “สภาพแวดล้อมที่บิดเบี้ยว” ทำให้คนๆ หนึ่งกระทำความผิด
นอกจากตัวผู้กระทำความผิดแล้ว ในเชิงอาชญาวิทยา ยังศึกษา ‘เหยื่อ’ อีกด้วย ซึ่งแยกออกมาเป็นวิชา ‘เหยื่อวิทยา’ หรือ Victimology เพื่อทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมหรือบริบท ซึ่งมีความเปราะบางที่ทำให้ตกเป็นเหยื่อซ้ำๆ เช่น เรื่องความรุนแรงในครัวเรือน (Domestic Violence) ทำไมเหยื่อมักเป็นเพศหญิง หรือในคดีคนทำร้ายร่างกายตัวเอง เหตุใดจึงทำซ้ำ
[คลี่ปมพฤติกรรมอาชญากร]
ตามความเห็น ของอ.ตฤณห์ อาชญาวิทยาสามารถนำมาอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมต่างๆ ตามที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนได้ เช่น การเปิดโปงเรื่องการที่พระสงฆ์ยักยอกเงินบริจาควัด ก็สามารถอธิบายได้ทั้งมุมผู้บริจาค และพระผู้ยักยอกเงิน
ในมุมผู้บริจาค อ.ตฤณห์ อธิบายถึงมิติความเชื่อโดยไม่ตั้งคำถามว่า เป็นสิ่งที่อยู่ในวัฒนธรรมของเรามาตั้งแต่โบราณกาล ส่วนผู้กระทำความผิดนั้น อาจเกิดจากการเห็นช่องโหว่จากการคลุกคลีอยู่กับเงินจำนวนมากๆ
“สาเหตุของพฤติกรรมอาชญากรมีหลายสาเหตุ แล้วอยู่ที่ว่าสิ่งที่เขาทำคืออะไร ผมจะไม่พูดเรื่องความผิดปกติครับทางจิตละกัน การฉ้อโกงคือการวางแผนอย่างตั้งใจ…ถ้าพฤติกรรมการยักยอกโดยที่วางแผนอย่างเป็นแบบแผน อันนี้คุณไม่มีความผิดปกติทางจิตแน่นอน เพราะคุณเตรียมการ เตรียมข้อมูลแล้วก็มีทางหนีทีไล่ อยู่ที่ว่าทำไมคุณถึงฉ้อโกง คุณเห็นลู่ทางหรือคุณโลภ คุณต้องการไปทำอะไร คุณต้องการฟอกเงิน หรือคุณต้องการมีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้น บางครั้งการสวมจีวรทำให้คุณมีโอกาสในการหาเงินมากกว่าสวมชุดปกติ มันก็เป็นเหตุผลหลายๆ เหตุผลที่ทำให้คนกระทำการใดการหนึ่ง” อ.ตฤณห์ กล่าว
[ทักษะสำคัญคือสังเกต จดจำ และตั้งคำถาม]
ด้วยพื้นฐาน อ.ตฤณห์ เติบโตมาในครอบครัวตำรวจ เรียนปริญญาตรีที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยรับราชการกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก่อนจะค้นพบว่าเขาอยากรู้เบื้องหลังด้านอาชญากรรม การกระทำความผิด จึงเลือกไปเรียนต่อปริญญาโทคณะวิทยาศาสตร์ สาขาด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรมที่ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอกที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่หลักสูตรปริญญาเอก คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เขามองว่า ทักษะที่นักอาชญาวิทยาจำเป็นต้องมี คือ เรื่องการสังเกตและการจดจำ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องฝึกฝน เพื่อให้สามารถจดจำข้อมูลที่สังเกตเห็นและนำข้อมูลมาประมวลได้ ที่สำคัญคือการสร้างความตื่นตัวในตนเอง โดยการพยายามหาคำตอบกับข้อสงสัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว
ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และรูปแบบของอาชญากรมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นอ.ตฤณห์ มองว่าอาชญาวิทยาจะมาช่วยตอบคำถาม และคลี่ปมของอาชญากรรม และจำทำให้ประชาชน สังคม เจ้าหน้าที่ เข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นของอาชญากรรมที่เกิดขึ้น










