ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันเรื่องของ ‘น้ำหนัก’ ถือเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ แม้ว่าเราจะสามารหาความสุขเล็ก ๆ ได้จากการรับประทานของอร่อย แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่าการที่ปล่อยให้ตัวเองน้ำหนักเกินเกณฑ์มากเกินไป จะนำพามาสู่ ‘โรคอ้วน’
โดยจากสถิติของสหพันธ์โรคอ้วนระบุว่า ในปัจจุบันมีประชากรกว่า 2,600 ล้านคนหรือคิดเป็น 38% ของประชากรโลก และมีคาดการณ์ต่อว่าในอนาคตข้างหน้าประชากรโรคอ้วนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเห็นอย่างนี้แล้วคงไม่ดีแน่
อย่างไรก็ดี ในทางกลับกันจึงเกิดโอกาสทางแสวงหากำไรให้แก่บริษัทยารายใหญ่อย่าง ‘Novo Nordisk’ บริษัทผลิตยาเบาหวานรายใหญ่จากประเทศ ‘เดนมาร์ก’ ที่ได้ออกมาเผยถึงรายได้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2018)
จากกระแสยา Ozempic หนึ่งในยาที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดสามารถใช้รักษาโรคเบาหวาน ที่มาในรูปแบบปากกาจำเป็นต้องฉีดเข้าร่างกาย โดยเราสามารถใช้ยาชนิดนี้ควบคุมน้ำหนักตัวให้ลดลงได้มากถึง 15% และสำหรับในประเทศไทยเราเรียกกันติดปากว่า ‘ปากกาลดน้ำหนัก’ มีราคาเริ่มต้นที่ 5,800 บาท
โดยตัวยาชนิดนี้ก็เป็นหนึ่งในสัดส่วนรายได้ของบริษัท และปัจจุบัน ‘Novo Nordisk’ มีมูลค่าบริษัทที่พุ่งสูงถึง 444 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหากมองจากการเติบโตของหุ้นบริษัท NOVO_B จะพบว่าเพิ่มตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 345.56%
หรือแม้แต่บริษัทคู่แข่งอย่าง ‘Eli Lilly’ บริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐอเมริกก็พบว่ามียาชนิดเดียวกันในยี่ห้อ Mounjaro หรือที่ใช้ชื่อ tirzepatide สามารถใช้ยาชนิดนี้ควบคุมน้ำหนักตัวให้ลดลงได้มากถึง 20% และมาในรูปแบบปากกาเช่นกัน
และเป็นหนึ่งในสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท โดยที่ปัจจุบันมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 522 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหากมองจากการเติบโตของหุ้นบริษัท LLY จะพบว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 390.10% เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ราคาของปากาควบคุมน้ำหนักก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจหยุดเติบโตของทั้ง 2 บริษัทยารายใหญ่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นแล้วว่าความต้องการใช้ยาลดน้ำหนักเพิ่มขึ้นทั่วโลก
และจากการคาดการณ์ธนาคาร Morgan Stanley ยอดขายทั่วโลกของยาควบคุมน้ำหนักดังกล่าวจะสูงถึง 54 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2573
ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยารายใหญ่และย่อย เช่น Amgen, Boehringer Ingelheim และ Pfizer หรือแม้แต่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ Carmot Therapeutics ในแคลิฟอร์เนีย, Gmax Biopharm ในหางโจว ก็หันมาสนใจผลิตและพัฒนากลุ่มยาประเภทควบคุมน้ำหนักมากขึ้น
ประกอบกับหลาย ๆ บริษัทเริ่มหันมาพัฒนาให้ยาควบคุมน้ำหนักเปลี่ยนเป็นในรูปแบบ ‘เม็ด’ แทนรูปแบบปากกาฉีด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และมุ่งแก้ไขผลข้างเคียงของยาที่หลายคนใช้แล้วอาจจะรู้สึกคลื่นไส้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีการแข่งขันที่มากขึ้นในตลาดของยาควบคุมน้ำหนัก เป็นที่น่าสนใจว่าในอนาคตข้างหน้ามูลค่าตลาดยาควบคุมน้ำหนักจะเติบโตไปอีกแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ‘Novo Nordisk’ และ ‘Eli Lilly’ เจ้าตลาดที่กำลังเพิ่มการผลิตก็ไม่อาจต้านทานอุปสงค์ที่มีมากกว่าอุปทานอย่างแน่นอน….
ที่มา : https://www.economist.com/business/2023/09/28/pharmas-big-push-for-a-new-generation-of-obesity-drugs
:https://www.blockdit.com/posts/64f6b9f8ca9d41148d90c854










