คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 ส.ค. 2565) ตลาดหุ้นสหรัฐ ‘ดาวโจนส์’ ปรับลงถึง 1,008.38 จุด หรือ 3.03% ปิดที่ 32,283.40 จุด หลัง ‘เจอโรม พาวเวล’ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณ ‘ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ’ ในเดือน ก.ย.นี้
ในการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดของปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล ‘พาวเวล’ ยักงกล่าวอีกว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อลดลง แม้รู้ดีว่าเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบก็ตาม
แต่ความล้มเหลวในการพยายามรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อ จะเป็นผลกระทบที่รุนแรงกว่าในระยะยาว
สิ้นคำแถลงของประธาน Fed ตลาดหุ้นสหรัฐ ‘ดาวโจนส์’ จากที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ปักหัวลงในแดนลบทันที เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และ NASDAQ
บรรยากาศการลงทุนที่ลบแบบสุดๆ ยังฉุดให้ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นอังกฤษ ตลาดหุ้นเยอรมัน และตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปรับตัวลงตามด้วย
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน นำโดยตลาดหุ้นอินเดีย 990 จุด ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 780 จุด ตลาดหุ้นไต้หวัน 330 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง 140 จุด และตลาดหุ้นเกาหลี 125 จุด
ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ไม่รอด เพราะ SET Index เช้านี้ ปรับตัวลงแรงกว่า 25 จุด ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1.619.58 จุด
โดยหุ้นที่ร่วงกดตลาดสุดๆ นำโดย DELTA ร่วงเกือบ 5% ฉุดดัชนี 2.8 จุด PTT ร่วง 2% ฉุดตลาด 1.7 จุด และ GULF ร่วง 2.5% ฉุดตลาด 1.2 จุด (ณ 11.30 น.)
ล่าสุด ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ตัวสะท้อนแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐคืนนี้ ก็ยังปรับลงเช่นกันประมาณ 300 จุด
ถึงอย่างนั้น นักวิเคราะห์คาดว่าอาการ ‘แพนิค’ ของตลาดหุ้นโลกจะกดดันหุ้นไทยไม่มากเท่าตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ เพราะหากเทียบแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยแล้ว ยังถือว่าเบากว่า Fed อยู่มาก










