วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 9 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ได้มีมติครั้งประวัติศาสตร์เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. …. ซึ่งผ่านการพิจารณาและแก้ไขเพิ่มเติมโดยวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียง 421 เสียง นับเป็นก้าวสำคัญในการตรากฎหมายว่าด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ฉบับแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรม สร้างความเสมอภาค และส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มชาติพันธุ์

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.)ในฐานะองค์กรที่ได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนภารกิจนี้ และได้ทำงานเคียงข้างพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์มาอย่างยาวนาน ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งต่อก้าวสำคัญของสังคมไทยที่เกิดขึ้นจากพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน
ตลอดเส้นทางการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอันยาวนาน นับตั้งแต่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงวัฒนธรรมให้ขับเคลื่อนแนวนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลและชาวกะเหรี่ยงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน และ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ตามลำดับ จนได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ฉบับนี้ให้เป็นนโยบายสำคัญของประเทศ
ความสำเร็จในวันนี้เกิดจากการถักทอพลังปัญญาและความหวังร่วมกันของเครือข่ายพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศ ผู้เป็นเจ้าของเจตนารมณ์และเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุด เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาสังคม ผู้ร่วมสร้างฐานความรู้และยืนหยัดในหลักการร่วมกันเสมอมา รัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและร่วมสนับสนุนผลักดันจนเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) ขอยืนยันถึงความพร้อมอย่างเต็มกำลังที่จะเดินหน้าต่อไปกับภารกิจที่ท้าทายขึ้นร่วมกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ก้าวต่อไปคือการทำให้ตัวบทกฎหมายมีชีวิต เป็นหลักประกันว่าการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ตามที่บัญญัติไว้ จะถูกนำไปปฏิบัติให้เกิดผลจริงในทุกมิติ พร้อมส่งเสริมความเข้าใจสังคมในวงกว้าง สร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ให้สังคมไทยตระหนักและภูมิใจในความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และพร้อม “โอบรับทุกความหลากหลาย” ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พรบ. ฉบับนี้มีเจตนารมณ์ให้เป็นกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิทางวัฒนธรรม ตามมาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยมีหลักการสำคัญ 3 ประกาศ คือ
• การคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรม โดยคุ้มครองชาวไทยทุกกลุ่มชาติพันธุ์ไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิ และสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน
• การส่งเสริมศักยภาพกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อสร้างโอกาสแห่งการพัฒนาของประเทศ
• สร้างความเสมอภาค ด้วยความเท่าเทียมอย่างเป็นธรรม
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบ มีสาระสำคัญ 5 ประการดังนี้
• กำหนดหลักพื้นฐานแห่งสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุความแตกต่างทางเชื้อชาติ (มาตรา 5 – 12)
• กำหนดกลไกการบริหารจัดการแบบบูรณาการโดยมีคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกสาร เป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 13 – 20)
• สร้างกลไกการมีส่วนร่วมของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยกำหนดให้จัดตั้งสภาคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์แห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแนวทางหรือมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 21 – 31)
• กำหนดให้มีการจัดทำฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นฐานข้อมูลกลางของประเทศ เพื่อคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (มาตรา 32 – 36)• กำหนดมาตรการเชิงบวกในรูปแบบการจัดตั้งเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็น “การจัดการร่วม” (Co-management) โดยที่ยอมรับสิทธิของชุมชนในการดำรงชีวิตควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรภายใต้กฎหมายของรัฐ เปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “การเผชิญหน้า” ไปสู่ “การหาทางออกร่วมกัน” (มาตรา 37 – 42)
ขั้นตอนต่อไปหลังจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติจะถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ถือเป็นก้าวสำคัญของสังคมไทยในการคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม










