fed-hikes-interest-rates-by-75-basis-points-in-september

Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.75% หุ้นสหรัฐร่วงทันที 200 จุด

การเงิน

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ (22 ก.ย. 2565 ณ 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) อีก 0.75% ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สาม ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% หลังการประชุม

ภายหลังการประกาศขึ้นดอกเบี้ย ตลาดสหรัฐสหรัฐปรับลงทันที 200 จุด ขณะที่คริปโตเคอร์เรนซี เริ่มเห็นการปรับตัวลงเช่นกัน โดยบิตคอยน์ (BTC) กลับมาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 19,000 เหรียญอีกครั้ง

ส่วนการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน พบว่า ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (US Dollar Index) ปรับขึ้นเกือบ 0.8% ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง แน่นอนว่ากดดันค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงอีกที่ 37.210 บาทต่อ 1 ดอลลาร์

(ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน 10 นาทีแรกที่ Fed ประกาศดอกเบี้ย)

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐมีโอกาสพุ่งทะลุ 4% ในช่วงสิ้นปี 2565 ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง 8.3% เดือนล่าสุด และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังทรงตัวสูงต่อเนื่องในปี 2566

โดยแนะนำติดตามตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Dot Plot) ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ (01.30 น. ตามเวลาประเทศไทย)

สำหรับประเทศไทย คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 28 ก.ย.นี้ จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.00%

[ อัพเดตการแถลงข่าวและถามตอบสื่อของ Fed ]

ในการประชุมครั้งนี้ Fed ยืนยันจะดึงสภาพคล่องออกจากระบบ (Quantitative Tightening: QT) ตามแผน จากที่เศรษฐกิจสหรัฐยังสามารถเติบโตได้ การจ้างงานยังอยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับตัวเลขเงินเฟ้อ

ขณะที่เครื่องชี้การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Dot Plot) คาดว่า Fed อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึง 4.4% ภายในสิ้นปีนี้ สอดคล้องกับเป้าหมายของ Fed ที่ต้องการคุมเงินเฟ้อในได้ 2% ภายในปี 2024 (2567)

อย่างไรก็ตาม รายงาน Fed คาดการณ์อัตราการว่างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 3.7% เป็น 4.4% ในปี 2566 ซึ่งตัวเลขระดับดังกล่าวอาจเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)

นอกจากนี้ ยังปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2565 ของสหรัฐ โดยคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.2% จากเดือน มิ.ย.ที่คาดว่าจะเติบโต 1.7%

ประธาน Fed เริ่มต้นการแถลงด้วยการย้ำถึงเป้าหมายการคุมเงินเฟ้อของสหรัฐให้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ให้ได้ และเมื่อเจอคำถามว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ประธาน Fed ให้คำตอบที่หนักแน่นว่า

จนกว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะลงมา 2% ได้สำเร็จเช่นเดิม ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะต้องปรับขึ้นแรงเพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลงตามเป้าหมายที่ 2% ด้วย

ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไปนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะปรับขึ้นไม่ต่ำกว่า 0.25% แต่การตัดสินใจสุดท้ายจะเกิดขึ้นในการประชุมครั้งถัดไป (1-2 พ.ย. 2565) ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามาด้วย

เมื่อมีนักข่าวถามถึงเหตุผลที่ Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ยไปเลย 1.00% แล้วค่อยๆ ทยอยขึ้นในอัตราที่ลดลง เพราะในแต่ละเดือน ข้อมูลที่เข้ามามีความแตกต่างกัน ดังนั้น Fed ไม่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินแบบ Aggressive มากจนเกินไป

สำหรับประเด็น คาดการณ์ตัวเลขว่างงานที่ 4.4% ในปีหน้า ซึ่งอาจกระทบให้คนอเมริกันตกงานกันเป็นจำนวนมากนั้น ‘เจอโรม’ บอกว่า Fed ไม่ได้มีเป้าหมายลดจำนวนคนทำงานในระบบ

แต่ต้องเข้าใจว่า เงินเฟ้อที่สูงที่ทำให้ราคาของใช้ต่างๆ ปรับขึ้น ซึ่งกระทบต่อรายได้ของคนในแต่ละเดือนจริงๆ

ดังนั้น Fed จึงต้องคุมเงินเฟ้อให้ลดลง ซึ่งแน่นอนว่า การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงมานั้น ในแง่หนึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแน่นอน

ส่วนคำถามที่ว่า แล้วคนอเมริกันต้องอดทนกันอีกนานแค่ไหน ‘เจอโรม’ ตอบได้เพียงว่า จนกว่าที่เงินเฟ้อจะลดลงจริงๆ ทั้งในปี 2566 และปีถัดๆ ไป

KingployWriterKingploy
Dolce far Niente

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง