กรุงศรีฟินโนเวต

กรุงศรี ฟินโนเวต เตรียมเปิดกองทุนสตาร์ทอัพใหม่ ‘FinnoEfra’ ซัพพอร์ตธุรกิจสายดิจิทัล

การเงิน

‘แซม ตันสกุล’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา พูดถึงแผนการลงทุนในปี 2567 เตรียมเปิดกองทุนใหม่ ชื่อว่า กองทุนฟินโนอีฟรา หรือ FinnoEfra Private Equity Trust ซึ่งมีขนาดกองทุนมูลค่า 1,000-1,300 ล้านบาท

เน้นลงทุนในสตาร์ทอัพที่มุ่งพัฒนาเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและกลุ่มที่มีอิมแพคต่อสังคม โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นสตาร์ทอัพในไทย 60% และสตาร์ทอัพในอาเซียน 40% 

ซึ่งจะเริ่มลงทุนในสตาร์ทอัพระดับ Early Stage ไปจนถึง Pre-Series A โดยมีงบลงทุนให้ 10-20 ล้านบาทต่อราย แต่มีเงื่อนไขคือทุกสตาร์ทอัพต้องเข้ามาเรียนในศูนย์บ่มเพาะ หากผ่านหลักสูตรถึงจะได้รับเงินลงทุนไป 

สำหรับกองทุนฟินโนอีฟรา ตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 30% โดยคาดว่าจะเริ่มต้นระดมทุนตามแผนการเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม 2567

นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนฟินโนเวนเจอร์ฟันด์ 1 หรือกองทุน Private Equity Trust I ซึ่งเป็นกองทุนหลักและกองทุนแรกที่เปิดตัวในปี 2564 

มีการลงทุนไปแล้วกว่า 1,208 ล้านบาท ในสตาร์ทอัพ 14 ราย จากเงินระดมทุนทั้งหมด 2,700 ล้านบาท 

โดยในช่วงปลายปี 2565 กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 14% และคาดว่าสิ้นปี 2566 นี้ผลตอบแทนน่าจะอยู่ที่ 10-14%  

และในปี 2567 กองทุนมีแผนที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่มอีก 5-7 ราย คาดใช้เงินลงทุนเพิ่ม 900 ล้านบาท ทำให้กองทุนมีสตาร์ทอัพที่เข้าไปลงทุนรวม 25 ราย 

รวมถึงกองทุน Finnoverse & Futuristic Fund ที่มุ่งเน้นไปในกิจการสมัยใหม่ความเสี่ยงสูง และสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี กองทุนนี้มีขนาดกองอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และในปี 2567 คาดว่าจะสามารถสร้างดีลเพิ่มขึ้นได้อีก 10 ดีล

สำหรับภาพรวมพอร์ตลงทุนของ ‘กรุงศรี ฟินโนเวต’  ทั้งจากการลงทุนของกรุงศรีฟินโนเวต กองทุนฟินโนเวนเจอร์ฟันด์ 1 และกองทุน Finnoverse & Futuristic Fund มีรวมมูลค่าทั้งสิ้น 3,574 ล้านบาท 

มีสตาร์ทอัพที่เข้าไปลงทุนแล้วทั้งหมด 24 ราย  และ 3 ยูนิคอร์น คือ Grab , Flash Express ,Klook และมีอีก 6 รายที่เตรียมไอพีโอ (IPO) ทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ

กรรมการผู้จัดการ ‘กรุงศรี ฟินโนเวต’ ยังพูดถึงการหารือกับภาครัฐถึงการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (Matching Fund) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2567 ด้วย

นับว่าเป็นโครงการที่รัฐบาลจะเข้ามาช่วยสนับสนุนเงินให้กับสตาร์ทอัพในไทยมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย โดยจะอนุมัติเงินภายหลังจากที่สตาร์ทอัพได้รับเงินลงทุนจาก Venture Capital (VC) หรือธุรกิจเงินร่วมลงทุนแล้ว

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง