เตือน 7 จังหวัดภาคกลาง รับมือปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตลอด 24 ชม.

เตือน 7 จังหวัดภาคกลาง รับมือปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตลอด 24 ชม.

สถานการณ์แม่น้ำน้อย เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งเอ่อเข้าท่วม บ้านเรือนที่อาศัยอยู่ติดแม่ริมน้ำน้อย ตำบลบ้านกระทุ่ม และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ( 8ก.ย.62 )

กอปภ.ก. ประสาน 7 จังหวัดภาคกลาง เตรียมรับมือปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำท่า การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (9 ก.ย.62) นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามข้อมูลปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า ปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ ประกอบกับสำนักงานชลประทานที่ 12 แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป คาดการณ์ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะควบคุมในเกณฑ์ระหว่าง 900 – 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 0.30 – 0.80 เมตร บริเวณตำบลบางกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยปริมาณน้ำดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงได้ประสานพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น รวมถึงแม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำน้อย แม่น้ำลพบุรี คลองชัยนาท – ป่าสัก และคลองชัยนาท – อยุธยา รวม 7 จังหวัด ดังนี้

  1. อุทัยธานี (อำเภอเมืองอุทัยธานี)
  2. ลพบุรี (อำเภอบ้านหมี่ อำเภอท่าวุ้ง และอำเภอเมืองลพบุรี)
  3. ชัยนาท (อำเภอสรรพยา)
  4. สิงห์บุรี (อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี)
  5. อ่างทอง (อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอป่าโมก อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอวิเศษชัยชาญ)
  6. พระนครศรีอยุธยา (อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ และอำเภอเสนา)
  7. สุพรรณบุรี (อำเภอบางปลาม้า)

รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำท่า การระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พร้อมแจ้งเตือนหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหารริมน้ำ รวมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำให้ติดตามสถานการณ์จากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง