Sam Altman ผู้ก่อตั้ง Open AI ให้สัมภาษณ์กับ Theo Von ใน YouTube รายการพอดแคสต์ This Past Weekend คุยครอบคลุมหัวข้อหลากหลายเกี่ยวกับการพัฒนา AI ผลกระทบต่อสังคม และการจ้างงาน
หนึ่งในหัวข้อสำคัญคือ GPT-5 ที่ Sam บอกไว้มาหลายเดือนแล้วว่าจะเปิดตัวภายในปี 2025 นี้ หลายสื่อรายงานว่าการเปิดตัวนั้นจะเร็วขึ้น และคาดว่าเป็นต้นเดือน ส.ค. นี้เลยด้วยซ้ำไป
Sam พูดถึง GPT-5 หรือโมเดล AI ขั้นสูงตัวใหม่ของ OpenAI ในพอดแคสต์ว่า “มีความฉลาดกว่ามนุษย์ในทุกด้าน ตอบคำถามได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองไร้ประโยชน์”
คำพูดนี้อาจตีความได้หลายอย่าง เพราะ Sam เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาโมเดลนี้ ย่อมพูดแต่ข้อดี คงไม่มีประธานบริษัทคนไหนมาบอกว่าโปรดักต์ของเรามีประสิทธิภาพปานกลาง
แต่ถ้าลองคิดตามคำพูดของ Sam กับข้อเท็จจริงที่ว่า ตกงานเพราะ AI เกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นแล้ว การมาถึงของ GPT-5 ก็อาจทำให้เกิดความกังวลอยู่ไม่น้อย
[ GPT-5 ตัวตึงเรื่อง Coding ]
สิ่งที่หลายสื่อรายงานคือความสามารถของ GPT-5 มีความโดดเด่นเรื่องการเขียนโปรแกรมอย่างมาก GPT-5 จะรวมสถาปัตยกรรมพื้นฐานของโมเดล GPT และความสามารถของโมเดล o ที่สามารถคิดคำนวณอย่างมีเหตุผล
หากใครจำได้ Open AI สร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกมาแล้วในการเดโม่โมเดล GPT-4o เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2024 ความสามารถของ GPT-4o แทบจะเป็นคนๆ หนึ่ง เราใช้ AI ตัวนี้เป็นล่ามเรียลไทม์ เล่าเรื่องราวได้ในหลากหลายน้ำเสียงและอารมณ์, เป็นกรรมการระหว่างเล่นเกม ฯลฯ
GPT-5 คาดว่าจะมาพร้อมความสามารถรับมือความท้าทายในการเขียนโค้ด แก้ไขโค้ดเบสที่ซับซ้อนได้มีประสิทธิภาพมากกว่า GPT เวอร์ชันก่อนหน้า และอาจทำให้ GPT-5 เป็นที่ดึงดูดใจสำหรับนักพัฒนาหลายคนที่หันไปใช้ Claude ของ Anthropic ซึ่งเป็นค่ายคู่แข่ง
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่า GPT-5 มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Claude Sonnet 4 ซึ่งเป็นโมเดลที่ก้าวหน้าที่สุดแล้วของ Anthropic เมื่อเปรียบเทียบแบบตัวต่อตัวเรื่องงานโค้ด
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Open AI ยังได้เปิดตัว ChatGPT Agent ที่ทำทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ตแทนเราได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการท่องอินเทอร์เน็ตเปิดเว็บ ค้นหาข้อมูล คลิกปุ่ม กรอกฟอร์ม เชื่อมต่อกับ API อื่นอย่าง Gmail, ปฏิทิน ส่งอีเมล จัดการไฟล์ หรือทำนัดหมายให้เราเสร็จสรรพ
เท่ากับว่าความสามารถของ AI ทำได้ทั้งงานเชิงลึกอย่างการเขียนโค้ด รันซอฟต์แวร์ พัฒนาแอปพลิเคชัน ไปจนถึงงาน general อย่างการนัดหมาย การประสาน การจัดการระหว่างแผนก งานระดับ entry-level หรือเด็กจบใหม่
แน่นอนว่าแต่ละงานยังต้องมีมนุษย์คอยจัดการ แต่จะใช้มนุษย์ในจำนวนที่น้อยลงมากๆ…
[ คนตกงานเพราะ AI เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ]
มีรายงานการปลดพนักงานจำนวนมากของ Microsoft ในปี 2024 ต่อเนื่องจนถึงปี 2025 เป็นการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการลงทุนและพัฒนาด้าน AI มากขึ้น และยังเป็นเหตุผลเดียวกับ SAP บริษัทซอฟต์เยอรมันที่ปลดพนักงานกว่า 8,000 ตำแหน่ง, Duolingo แอปสอนภาษา ยอมรับตรงๆ ว่าลดคนเพราะ AI ทำแทนได้, MoneyHero บริษัทฟินเทคประกาศเลิกจ้างพนักงาน 80 คนเน้นการลงทุนใน AI แทน ฯลฯ
นับแค่จำนวนที่เป็นข่าวก็หลักหมื่นคนแล้ว และคาดว่ามีพนักงานอีกมากที่เตรียมตัวตกงานหรือได้รับผลกระทบในทางใดทางหนึ่งจาก AI
Dario Amodei ซีอีโอ Anthropic เคยคาดการณ์ไว้ว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า ตลาดงานที่เราคุ้นเคยจะเปลี่ยนไป AI จะเข้ามาแทนพนักงานระดับ entry-level ได้ 50%
ย้อนกลับไปในรายการพอดแคสต์ Sam Altman ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า งานบางประเภทจะหายไปโดยสมบูรณ์ เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับ แต่งานรูปแบบใหม่ๆ จะเกิดขึ้นแน่นอน
ในอดีต งานอย่างซีอีโอบริษัท AI หรือพอดแคสเตอร์ เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก และแม้งานบางประเภทจะหายไป แต่ความต้องการของมนุษย์และความคิดสร้างสรรค์จะไม่สิ้นสุด และนั่นจะทำให้เกิดงานใหม่ๆ
เขาเชื่อว่า มนุษย์จะยังคงหาทางที่จะวางตัวเองไว้ที่ศูนย์กลาง และรู้สึกดีกับมันได้ แม้ในโลกที่ AI ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่มนุษย์เคยทำ นี่เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีของมนุษย์
เขายังเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้ทุกคนยังคงมีส่วนร่วมและมีเป้าหมายในชีวิตในยุค AI










