จากกรณีที่มีรายงานว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน “โครงการคนละครึ่ง” โดยมอบเงิน 3,000 บาทให้ประชาชน ให้ใช้จ่ายได้วันละ 100 บาท ในการซื้อของ โดยเมื่อซื้อสินค้าใดให้ใช้เงินส่วนนี้หักได้ 50% ของราคาสินค้าและประชาชนจ่ายเองอีก 50% ที่เหลือ แต่มีเสียงวิจารณ์ว่า อาจจะเป็นการเอื้อให้ทุนใหญ่ เพราะจะถูกนำไปซื้อของกับร้านสะดวกซื้อ มากกว่าร้านข้าวแกง หาบเร่แผงลอย และโชห่วยนั้น

วันที่ 7 ก.ย. 2563 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้ออกจดหมายข่าวชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวที่รัฐบาลจะดำเนินการมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐผ่าน “โครงการคนละครึ่ง” ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เห็นชอบในหลักการของกรอบแนวคิดโครงการในคราวประชุมเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 นั้น
สภาพัฒน์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า โครงการคนละครึ่ง ยังมีลักษณะเป็นกรอบกว้าง โดยกระทรวงการคลัง จะต้องไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ
สภาพัฒน์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า โครงการคนละครึ่ง ยังมีลักษณะเป็นกรอบกว้าง โดยกระทรวงการคลัง จะต้องไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม อาทิ

ภาพ : ประชาสัมพันธ์ จ.สมุทรสาคร
– คุณสมบัติของประชาชนและร้านค้าที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการ
– จำนวนประชาชนที่จะได้รับสิทธิ์
– วงเงินค่าใช้จ่ายต่อวัน
– ระบบการลงทะเบียน
– กลไกในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกผู้ค้าที่เป็นหาบเร่ แผงลอย ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– รูปแบบการชำระเงิน
– จำนวนประชาชนที่จะได้รับสิทธิ์
– วงเงินค่าใช้จ่ายต่อวัน
– ระบบการลงทะเบียน
– กลไกในการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกผู้ค้าที่เป็นหาบเร่ แผงลอย ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– รูปแบบการชำระเงิน

เมื่อกระทรวงการคลังจัดทำรายละเอียดโครงการที่มีความสมบูรณ์แล้ว จะนำเสนอให้คณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง
ดังนั้น ในช่วงระหว่างนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงการคลังยังจัดทำรายละเอียดโครงการให้มีความสมบูรณ์ ขอให้รอความชัดเจนในรายละเอียดของโครงการดังกล่าวภายหลังจากการประชุม ศบศ.ในครั้งต่อไป
ดังนั้น ในช่วงระหว่างนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่กระทรวงการคลังยังจัดทำรายละเอียดโครงการให้มีความสมบูรณ์ ขอให้รอความชัดเจนในรายละเอียดของโครงการดังกล่าวภายหลังจากการประชุม ศบศ.ในครั้งต่อไป










