เกาหลีใต้คือหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับวิกฤตฝุ่น PM 2.5 อย่างหนัก โดยเมื่อช่วงต้นปี 2019 ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ปกคลุมทั่วทั้งเกาหลี จนเกินค่ามาตรฐาน (75 มคก. ต่อ ลบ.ม.) รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศมาตรการฉุกเฉิน
ข้อความที่รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งแจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบว่า PM 2.5 สูงในระดับอันตราย
สำนักข่าวยอนฮัปได้ย้อนทวนดูวิธีการที่เกาหลีใต้รับมือกับ PM 2.5 จนสำเร็จ
ในระยะแรกทางรัฐบาลได้สั่งการให้โรงงานกว่า 100 แห่งในกรุงโซล นครอินชอน และ จ.คย็องกีโด ลดชั่วโมงการผลิตลง รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนจะถูกจำกัดการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 80% เพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ
หลังจากนั้นนายอี นัก-ย็อน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ได้คณะกรรมการนโยบายพิเศษเกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละออง โดยทางคณะกรรมได้ข้อสรุปว่า ปัญหาฝุ่นละอองก็มาจากถ่านหินและควันรถยนต์ โดยทางการได้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนทั้งการลดกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและถ่านหิน และการห้ามไม่ให้รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อนปี 2005 เข้ามาวิ่งในกรุงโซล
พร้อมทั้งสั่งปิดพื้นที่สำหรับจอดรถในหน่วยงานของรัฐจำนวน 4 ร้อยกว่าแห่งในกรุงโซล เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการห้ามไม่ให้รถยนต์ของทางการกว่าครึ่งหนึ่งออกมาวิ่งบนท้องถนนหากไม่มีเหตุจำเป็น
นอกจากนี้ทางรัฐบาลได้เตรียมปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินเก่า 6 แห่งทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในปี 2021 และเตรียมจะเพิ่มเครื่องฟอกอากาศในสถานีรถไฟใต้ดินให้ครบทั่วประเทศภายในปี 2022 โดยทางรัฐบาลคาดการณ์ว่า หากรัฐบาลสามารถทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ ก็จะสามารถลดปริมาณฝุ่นละอองลงถึง 35% เมื่อเทียบกับปี 2016 ภายในปี 2024
นอกจากนี้ทางเกาหลีใต้ยังร่วมมือกับทางการจีน ในการดำเนินนโยบายและวิจัยโครงการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละออง โดยที่ผ่านมาสำนักอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ กลุ่มฝุ่นละอองจากเขตมองโกเลียและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ได้ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในคาบสมุทรเกาหลีอย่างหนัก
ทางรัฐบาลเกาหลีใต้แนะนำให้ประชาชนอยู่ภายในอาคารบ้านเรือน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด และหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ต้องสวมหน้ากากป้องกันทุกครั้ง
จากการวัดปริมาณฝุ่นละอองครั้งล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่าน พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองในกรุงโซลสามารถวัดได้ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับปกติตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ (ระดับ PM 2.5 สูงกว่า 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็น “ไม่ดี” และสูงกว่า 75 ไมโครกรัมเป็น “แย่มาก”)
