ซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่ถูกจับตามองตั้งแต่ประกาศไลน์อัปไปเมื่อช่วงสิ้นปี 2024 กับ ‘จาฤกรติชา Memoir Of Rati’ ซีรีส์วายพีเรียดเรื่องแรกจากบ้าน GMMTV ที่ได้ 4 นักแสดงสุดฮอต ‘เกรท สพล’, ‘อิน สาริน’, ‘อู๋ ธนบูรณ์’ และ ‘บูม ธราธร’
‘บันทึกรักที่ต้องเก็บซ่อนไว้ แต่ชัดในใจทุกถ้อยคำ’ ไม่ได้เป็นเพียงวลีที่สวยงาม หากแต่เป็นหัวใจของเรื่อง จาฤกรติชา Memoir Of Rati ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักในสังคมที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทางชนชั้นและค่านิยม
ถูกนำเสนอผ่านบันทึกของ ‘รติ’ (อิน สาริน) เด็กกำพร้าลูกบ่าวแต่ได้รับการเอ็นดูจากผู้เป็นนาย เดินทากลับสยามในรอบ 20 ปี ในฐานะล่ามประจำคณะทูตฝรั่งเศส ทำให้ได้มาพบกับ ‘ธีรธรณ์’ (เกรท สพล) ผู้มีตำแหน่งเป็นถึงปลัดทูลฉลองกระทรวงศึกษาธิการ
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่ต่างกันทั้งสถานะและชนชั้นทางสังคม ของ ‘เมฆ’ (อู๋ ธนบูรณ์) บ่าวใช้แรงงาน และ ‘นายน้อยเดช’ (บูม ธราธร) เจ้านาย กับความรักที่ต้องเก็บซ่อนไว้ท่ามกลางอุปสรรครอบตัวมากมาย ที่ยากจะหลีกเลี่ยง
งานนี้ TODAY Play ชวน 4 นักแสดงนำ ‘เกรท, อิน, อู๋ เเละ บูม’ มาร่วมพูดคุยถึงความยากเเละความท้าทายของตัวละคร และความเชื่อในพลังแห่งรัก รวมถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็น ‘จาฤกรติชา Memoir Of Rati’ ซีรีส์พีเรียดเรื่องแรกของ GMMTV

Q : รู้สึกอย่างไรกันบ้าง หลังรู้ว่าจะได้เล่นเรื่อง ‘จาฤกรติชา’ ซีรีส์พีเรียดเรื่องแรกของ GMMTV
อิน สาริน : แน่นอนว่าทุกคน ตื่นเต้น ดีใจครับ (หัวเราะ)
บูม ธราธร : สำหรับผมกับ ‘อู๋’ มีความประหม่าเล็กๆ ครับ ด้วยความที่เป็นพีเรียด ซึ่งดูห่างไกลจากเราสองคนมากๆ เลยครับ เราไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้มีโอกาสเล่นพีเรียด ก็เลยมีความประหม่าต้องเตรียมตัวค่อนข้างเยอะครับ
อู๋ ธนบูรณ์ : จริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้เล่นพีเรียด เพราะหน้าตาผมค่อนข้างห่างไกลความพีเรียดมาก คือผมดูเป็นบอยแบนด์ครับ (หัวเราะ) ตอนแรกก็มองตัวเองไม่ออกเหมือนกันครับ แต่พอมันหลายๆ มารวมกันก็โอเค ดีมากครับ
เกรท สพล : ของผมจะตื่นเต้นกับกดดันมากกว่า เพราะเป็นเรื่องแรกที่เล่นซีรีส์แนวพีเรียดด้วย แล้วนักแสดงที่ผมเล่นด้วย ก็ยังไม่เคยร่วมงานมาก่อนเหมือนกันครับ อย่าง อู๋บูม รวมถึงนักแสดงท่านอื่นๆ ถือเป็นการที่ผมต้องลงสนามใหม่ ไปสำรวจอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ส่วนความกดดัน เพราะอยากทำออกมาให้ดีที่สุด พอขึ้นชื่อว่า ‘พีเรียด’ เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากเลยครับ
Q : ซีรีส์ ‘จาฤกรติชา’ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 6 แต่ละคนมีความยากหรือความท้าทายยังไงบ้าง
เกรท สพล : ตอนแรกผมคิดว่ายากครับ แต่พอปล่อยตัวอย่างออกมาทุกคนบอกว่า “พี่เกรทเหมือนหลุดออกมาจากยุคนั้นเลยเนาะ” ผมโล่งใจมากครับ เพราะดูมีความใกล้เคียงกับคนในยุคนั้น พูดชัดถ้อยชัดคำ การแสดงดูไม่ติดขัด
ช่วงที่ถ่ายทำผมต้องไปนั่งทบทวนตัวเองกับคาแรคเตอร์เหมือนกันว่าเราจะต้องปรับตัวเองให้อยู่ในประมาณไหน ไม่ช้าเกินไปและไม่เร็วเกินไป ต้องพูดชัดมากน้อยแค่ไหน
ภาษาในช่วงยุคนั้นยากมากครับ เพราะเราไม่สามารถอิมโพรไวซ์หรือปรับบทอะไรให้เข้ากับปากเราได้เลย แต่ต้องเป็นเราที่ปรับปากให้เข้ากับบทแทน
บูม ธราธร : ยากครับ ก็น่าจะเป็นเรื่องวิธีการพูดเหมือนกันครับ ด้วยความที่ผมกับ อู๋ ต้องเข้าฉาก ซึ่งเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เรายังไม่รู้จักกัน วิธีการพูดก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง หลังจากที่เราเริ่มรู้จักกันแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นอีกแบบ พอเราสนิทกันวิธีการเรียกก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ
อู๋ ธนบูรณ์ : ใช่ครับ เช่นตอนแรกที่เพิ่งเจอพี่บูมก็เรียกท่านหมื่น แต่ถ้าผมไปเรียกพี่บูมกับคนอื่นผมต้องเรียกอีกชื่อนึงครับ
บูม ธราธร : ต้องเรียกชื่อเต็มบ้าง ต้องเรียกสลับไปมาตลอดครับ ไม่สามารถเรียกสรรพนามเดิมได้ทุกครั้งที่เจอกัน ซึ่งต้องใช้ความจำค่อนข้างเยอะครับ
อิน สาริน : มีด้านที่ยากครับ ด้วยความที่ตัว ‘รติ’ เป็นทูตจากฝรั่งเศส จะมีเรื่องของภาษาฝรั่งเศสที่ยากครับ ทำการบ้านเยอะมากครับ ซึ่งผมตั้งใจและพยายามทำให้เหมือนกับคนฝรั่งเศสพูดสำเนียงจริงๆ ครับ
ก่อนหน้านี้ ผมเคยเล่นพีเรียดมาแล้ว และเล่นมาทุกช่องแล้วครับ สำหรับเรื่องนี้ถือว่ายากมาก เพราะภาษาฝรั่งเศสไม่เหมือนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศสจับคำศัพท์ไม่ได้เลย ซึ่งบทพูดของผมในซีรีส์ถ้าสั้นๆ จะอยู่ที่ประมาณ 8 บรรทัด ถ้ายาวๆ ก็คือ 2-4 หน้าเลยครับ
ผมได้มีโอกาสเรียนภาษาฝรั่งเศส ก่อนเปิดกล้อง ช่วงนั้นเรียนกับครูฝรั่งเศสเยอะมากครับ แล้วตอนถ่ายทำจริงผมก็ขอให้มีอาจารย์ประกบอยู่ด้วย ผมใช้วิธีการพูดแล้วก็จำ เพื่อให้จำได้จริงๆ ครับ ซึ่งสำเนียงที่ออกมาก็เลยรู้สึกมีความเชื่อมั่นนิดนึงครับ แต่เดี๋ยวต้องรอดูอีกทีนึงว่าจะใกล้เคียงไหม (ยิ้ม) แต่ผมคิดว่าใกล้เคียงที่สุดครับ
Q : คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของ ‘จาฤกรติชา’
อิน สาริน : พีเรียดครับ ด้วยรายละเอียดและเป็นพีเรียดวาย โมเมนต์ของคู่พระนางที่อยู่ในยุคสมัยนั้น ก็ไม่เคยมีมาก่อน ก็คือน่ารักครับ
อู๋ ธนบูรณ์ : คือเสน่ห์ของซีรีส์อยู่ที่ตรงนี้ครับ ทั้งภาพเอย หรือว่าแสงในซีน ชุดตัวละคร หรือแอคติ้งของนักแสดง ทุกอย่างรวมกันมาเป็นเสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้หมดเลย
อิน สาริน : ซึ่งตัวละครของทุกคน จริงๆ ไม่เหมือนพวกเราตัวจริงที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยครับ อย่างคู่อู๋บูมดูวัยรุ่นหน่อย แต่เวลาเข้าฉากจริงก็จะเป็นวัยรุ่นอีกแบบนึง ที่มีความทางการหรือว่าโบราณมากขึ้น ดูมีความโตขึ้น มีเสน่ห์มากครับ
Q : ด้วยเส้นเรื่องของซีรีส์มีการเล่าถึง รักต้องห้าม และ รักต่างชนชั้น มีการปรับจูนกับปมปัญหาของตัวละครอย่างไร
เกรท สพล : ด้วยความที่ ‘รักต้องห้าม’ เป็นแกนหลักของเรื่อง เราไม่สามารถทำอะไร หรือว่าแก้ปมตรงนี้ได้อยู่แล้วครับ สิ่งที่ทำได้คือแค่เข้าใจมัน และอยู่กับมันว่าเราจะเดินทางไปอย่างไร
อิน สาริน : มันคือความรักโรแมนติกขั้นกว่า (ยิ้ม) ที่จริงความรักก็คือความรักครับ ก็แค่เป็นความรักที่มีอุปสรรคมากขึ้น ไม่ได้ไปมองว่าอุปสรรคแล้วจะเป็นอย่างไร แต่จะไปเน้นมองว่าทั้ง 4 คนนี้จะหาทางรักกันได้อย่างไรมากกว่า
เกรท สพล : อย่างคู่ผมก็จะเป็นแบบฟีลโรแมนติก ทำอย่างไรก็ได้ที่รู้สึกว่า เราจะแสดงความรักต่อกันให้มากที่สุดในช่วงเวลาที่เราได้ใช้ด้วยกัน แม้ว่าจะมีน้อยนิดก็ตาม ส่วนอีกคู่นึงเขาก็จะมีสิ่งที่เขาต้องการแตกต่างกัน แต่พอมาเจอกันแล้วเหมือนจิ๊กซอว์ที่ลงล็อคกันพอดีครับ
เลยกลายเป็นว่าเราไม่ได้ไปแก้ที่แกนหลักของเรื่อง เราทำความเข้าใจและปรับตัว ทำอย่างไรก็ได้ให้ความรักของเราสามารถไปต่อ และสามารถชัดเจนมากยิ่งขึ้นได้ในทุกๆ วันที่เราได้เจอกัน
Q : ด้วยชื่อเรื่อง ‘จาฤกรติชา’ อยากรู้ว่าในกองถ่ายมีโมเมนต์อะไรสนุกๆ ที่อยาก จารึกไว้บ้างไหม
อู๋ ธนบูรณ์ : มีตอนนึงครับ ที่ผมชอบคือช่วงที่เราพักเบรกทุกครั้ง แล้วเราจะมานั่งกินข้าวพร้อมกันครับ
บูม ธราธร : ใช่ครับ เหมือนครอบครัวเลยครับ (หัวเราะ)
อู๋ ธนบูรณ์ : รู้สึกอบอุ่นดีครับ (หัวเราะ)
บูม ธราธร : ความประทับใจของผมคือพี่ทั้งสองคนรวมถึงทุกคนในกองคือน่ารักมากๆ ครับ รวมไปถึงพี่ที่เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ ทุกคนเป็นกันเองกับเรามาก จนทำให้เรารู้สึกว่าการไปกองไม่ได้รู้สึกเกร็ง ตั้งแต่วันอ่านบททุกคนมาอ่านพร้อมกัน ตอนนั้นผมรู้สึกเกร็งมาก พี่ๆ แต่ละคนคือ ผมเคยดูผลงานเขามาก่อน เขาเล่นเก่งมากๆ เลย พอไปเจอจริงทุกคนเฟรนด์ลี่มาก เข้ามาคุยเล่นกับเรา ทำให้บรรยากาศในกองดีมากๆ ครับ ทำให้รู้สึกว่าอยากไปกองจังเลย อยากไปเจอทุกๆ คนครับ
อิน สาริน : สำหรับผมรู้สึกว่ากองนี้ไวบ์ดี ทีมงานดีและทุกคนทำเต็มที่ครับ ให้ใจกับทุกฝ่ายครับ ที่ทำงานทำได้ไว เพราะเป็นซีรีส์ที่ถ่ายยาก ที่เรียกว่ายากขั้นกว่าเพราะว่าดีเทลเยอะ แล้วก็สถานที่หลากหลาย แต่สามารถทำได้ในเวลาที่กำหนด
เกรท สพล : สิ่งที่ผมอยากจารึกไว้ คือมีฉากนึงที่ผมต้องเข้ากับเสด็จย่าครับ เป็นฉากที่ค่อนข้างดราม่า ซึ่งผมต้องถ่ายช็อตรับหน้า โดยที่มีเเค่ผมคนเดียว แต่ แม่ก้อย (รับบทเป็น เสด็จย่านารีรัตน์) นั่งพื้นเพื่อจะต่อบทให้กับผม ซึ่งผมไม่ได้เจออะไรแบบนี้นานมากครับ ที่นักแสดงรุ่นใหญ่จะมานั่งมานั่งต่อบทดราม่ากับเรา ผมประทับใจมากๆ
แม่ก้อย ทุ่มเทมากๆครับ ผมบอกว่าไม่ต้องทำก็ได้ครับ แต่ แม่ก้อย บอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็เดินเข้าไปนั่งพื้นเลยครับ ที่นั่งพื้นเพราะว่าฉากนี้ผมต้องนั่งพื้นครับ แม่ก้อยก็ลงมานั่งเพื่อให้ระดับสายตาระดับเท่ากัน เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากๆ ในวันนั้น
Q : ธีมของซีรีส์คือ ‘อัศจรรย์แห่งรักแท้’ สำหรับแต่ละคนแล้ว เชื่อในพลังของความรักไหม และ มีมุมมองกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
อู๋ ธนบูรณ์ : ผมขอเป็นตัวแทนตอบครับ พวกผมเชื่อในพลังแห่งความรักนะครับ ไม่ใช่แค่รักในตัวใครสักคน แต่อาจจะเป็นรักในแบบการทำงาน หรือว่ารักในสิ่งนั้นจริงๆ แล้วเราอยากจะทำสิ่งในนั้นจริงๆ เราจะทำโดยที่ไม่รู้สึกย่อท้อเลยครับ

Q : เดือนนี้เป็นเดือนไพร์ด ถ้า พี่ธีร์-น้องรติ และ นายเมฆ-นายน้อยเดช ได้ข้ามเวลามายุคนี้ที่ทุกคนได้เป็นตัวของตัวเอง มีสมรสเท่าเทียม คิดว่าแต่ละคนจะทำอะไรเป็นอย่างแรก
อู๋ ธนบูรณ์ : ผมว่าสิ่งหนึ่งที่ตัวละครจะคิดถึงเลยก็คือ ความรักแบบพวกเราทั้ง 4 คนไม่ใช่เรื่องผิด และคงรู้สึกดีที่ไม่มีกฎหมายห้ามรักกัน
อู๋ ธนบูรณ์ : และ ‘เมฆ’ ก็คงจะไปขับรถตุ๊กตุ๊กเป็นอย่างแรกครับ เพราะชีวิตไม่ทำอะไรเลยนอกจากทำงานก่อน คงจะงงๆ อยู่เหมือนกันครับ จริงๆ อาจจะยังไม่ขับรถตุ๊กตุ๊กด้วย อาจจะลากรถไปก่อน เพราะขับไม่เป็น (หัวเราะ)
บูม ธราธร : ‘นายน้อยเดช’ ก็คงเข็นรถไปกับ ‘เมฆ’ ด้วยครับ (หัวเราะ) ก็คงอยากอยู่ด้วยกัน เพราะเขาทำไม่เป็น เราก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน แต่เราก็พร้อมที่จะเข็นรถไปกับเขานะครับ แล้วค่อยๆ เรียนรู้ไปตามยุคสมัย แต่อาจจะช้าหน่อย (หัวเราะ)
อิน สาริน : น้อง ‘รติ’ ก็จะเขียนบันทึกต่อไปครับ เพราะว่า ‘รติ’ เป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว ตามชื่อเลยครับ ‘จาฤกรติชา’ และยิ่งได้ข้ามเวลามา ก็คงอยากจะจดบันทึกถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคที่เขาอยู่
เกรท สพล : ส่วนพี่ ‘ธีร์’ คงจะคอยอยู่ข้างหลัง ‘รติ’ ครับ และคงไม่ไปไหน เพราะในเรื่องพี่ ธีร์ จะตัวติดกับ รติ มากๆ อยากทำอะไร อยากไปไหน ก็จะอยู่กับเขาตลอดเวลา ถ้าเขานั่งจดบันทึก พี่ธีร์ก็จะนั่งรออยู่ข้างนอกครับ (ยิ้ม)
Q : ด้วยความที่ชีวิตของ พี่ธีร์-น้องรติ และ นายเมฆ-นายน้อยเดช ตัวละครได้สอนอะไรทั้ง 4 คนบ้าง
อู๋ ธนบูรณ์ : ไม่เลือกงานไม่ยากจนครับ (หัวเราะ)
บูม ธราธร : ของผมก็คงเลือกคนข้างกายบ้างก็ดีครับ ไม่งั้นลำบาก (หัวเราะ) แต่จริงๆ เขาก็รักครับ
อิน สาริน : สอนให้สู้เพื่อความรักครับ
เกรท สพล : ของผมก็คงสอนให้ซื่อสัตย์กับความรัก และความรู้สึกของตัวเองครับ
Q : อยากให้สปอยอีพี 1 ด้วย 1 อีโมจิ
อิน สาริน : 🤤(หน้าฟิน)

เกรท สพล : 🤯(ฟินระเบิด)

อู๋ ธนบูรณ์ : 🤩(ว้าว)

บูม ธราธร : 😠(โกรธ)

อิน สาริน : ฝากซีรีส์ จาฤกรติชา Memoir Of Rati ด้วยนะครับ เป็นซีรีส์วายพีเรียดสุดเข้มข้นเรื่องแรกจาก GMMTV ครับ และออนแอร์อีพีแรกในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ นะครับ เวลา 20.30 น. ทาง GMM25 สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง Netflix เวลา 21.30 น. ครับ สนุกแน่นอนครับ
อู๋ ธนบูรณ์ : ฝากดูกันเยอะๆ นะครับ แล้วฝากบอกต่อด้วย








![[ประมวลภาพ] ปอนด์-ภูวินทร์ ทำถึงมัดใจแฟนๆ อยู่หมัด ในงานมีสติหน่อยคุณธีร์ Me and Thee Premiere Night](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fimages.workpointtoday.com%2Fworkpointnews%2F2025%2F11%2F24125908%2F1763963947_751863-workpointtoday.webp&w=2048&q=75)

