สมาคมทนายฯ ชี้ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สิทธิ อดีต ผู้กำกับโจ้ โฟนอิน เกินขอบเขตกฎหมายกำหนด

สมาคมทนายฯ ชี้ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สิทธิ อดีต ผู้กำกับโจ้ โฟนอิน เกินขอบเขตกฎหมายกำหนด

สมาคมทนายความออกแถลงการณ์ ชี้ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สิทธิ ผู้กำกับโจ้ แถลงข่าว เกินกว่ากฎหมายกำหนด ตั้งคำถามต่อ ใครให้ความช่วยเหลือผูต้องหาในพื้นที่ จ.ชลบุรี

วันที่ 28 ส.ค. 2564 สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ระบุว่า กรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดแถลงข่าวการจับกุม พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผู้กำกับโจ้) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครสวรรค์ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2564 เวลาประมาณ 21.30 น.

เห็นว่าการแถลงข่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การให้สัมภาษณ์ของผู้ร่วมแถลงข่าว และการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ มีความไม่เหมาะสม ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเสียเอง กล่าวคือ

1.ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 7/1 ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวมีสิทธิแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมในโอกาสแรกและให้ผู้ถูกจับหรือผู้ต้องหามีสิทธิดังต่อไปด้วย คือ

– พบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว

– ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคําตนได้ในชั้นสอบสวน

– ได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร

– ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย

ดังนั้น การยินยอมให้ผู้ต้องหาแถลงข่าวด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจึงเป็นการให้สิทธิแก่ผู้ต้องหาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

2.แม้ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 465/2550 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2550 ข้อ 2.3 ที่ห้ามอนุญาตหรือจัดให้สื่อมวลชนทุกแขนงสัมภาษณ์ผู้ต้องหาในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีข้อยกเว้นให้กระทำได้หากได้รับความยินยอมจากผู้ต้องหาก็ตาม แต่การให้สิทธิตามข้อยกเว้นดังกล่าวเกินไปกว่าสิทธิตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 7/1 บัญญัติไว้คำสั่งดังกล่าวจึงขัดต่อกฎหมาย

ประกอบกับการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหายังไม่เป็นประโยชน์แก่คดี เพราะย่อมจะมีลักษณะเป็นการแก้ตัว หรือชักจูงสังคมเห็นใจหรือคล้อยตามคำแก้ตัวของตน หรือสร้างความชอบธรรมให้กับกระทำความผิด หรือให้สัมภาษณ์ผิดไปจากข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์แห่งคดีของตน คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวอาจจะมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของประชาชน เหนือพนักงานสอบสวนหรือผู้เสียหายหรือพยานซึ่งจะถูกกดดันจากกระแสสังคมอันจะทำให้การดำเนินคดีเสียความยุติธรรม

3.การที่ พล.ต.ต.เอกลักษณ์ ลิ้มสังกาจ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 แถลงว่าผู้ต้องหารายนี้นัดให้มารับตัวที่หน้า สภ. แสนสุข จ.ชลบุรี บ่ายวันที่ 26 ส.ค. 2564 โดยมีรถยนต์เก๋งสีขาวนำตัวผู้ต้องหามาส่งแต่ตนไม่ได้สังเกต และไม่ได้จำทะเบียนรถดังกล่าวนั้น เห็นว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีการจับกุมหลายวันโดยหลบหนีมาจาก จ.นครสวรรค์ จนมาถูกจับกุมที่ จ.ชลบุรี จึงอาจมีผู้ช่วยเหลือให้พำนัก

โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้ต้องหาด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ดังนั้น ผู้ขับขี่และรถยนต์ที่นำตัวผู้ต้องหามาส่งให้รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จึงเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญแห่งคดีที่พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนให้ได้ความดังกล่าว

การที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 อ้างว่าไม่ได้สังเกตและจำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้จึงอาจเข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดฐานให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต้องหาไม่ให้ถูกจับกุมอันอาจเป็นความผิดฐานผู้สนับสนุนตามมาตรา 86 และ 189 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจและการกระทำความผิดเกิดขึ้นใน สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยมีผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน

– การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่มีบันทึกการจับกุม

– ซ้อมทรมานและฆ่าผู้ต้องหา

– ทำลายหลักฐานแห่งคดี

– ไม่แจ้งเหตุแก่พนักงานสอบสวน

– ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการชันสูตรพลิกศพ เป็นต้น

อีกทั้งกระทำความผิดเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2564 แต่ไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและผู้ร่วมกระทำความผิดทันทีที่เกิดเหตุทั้งที่เหตุเกิดใน สภ. ดังกล่าว ในทางกลับกันกลับมีการช่วยเหลือโดยปกปิดการกระทำความผิดและทำลายพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองนครสวรรค์ จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียและเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

ดังนั้น หากให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีย่อมจะเสียความเป็นธรรม จึงควรให้กองบังคับการกองปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อไป

นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย 28 สิงหาคม 2564

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง