ยุคนี้คนไม่ค่อยเดินเข้าธนาคารกันอีกแล้ว แต่กลับเป็น ‘ธนาคาร’ ที่กำลังเดินเข้ามาหาเราแทนผ่านหน้าจอมือถือ หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือ LINE BK จากบริการเล็กๆ ในแอปแชท สู่ธนาคารบนมือถือของคนไทยกว่า 8 ล้านคน
ตลอดเส้นทาง 5 ปีของ LINE BK ล่าสุดเพิ่งประกาศ ‘มีกำไร’ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2563 โดย ‘ธนา โพธิกำจร’ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ได้เล่าถึงการทำงานของ LINE BK ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมอินไซต์พฤติกรรมของคนไทยที่สะท้อนผ่านการใช้งานแอปแชท
[ อยู่ใน LINE ก็เหมือนอยู่ในชีวิตคนไทย ]
จุดที่แข็งที่สุดของ LINE BK คือการฝังตัวอยู่ใน Ecosystem ที่คนไทยใช้ทุกวัน อย่าง LINE ที่มีผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคนทั่วประเทศ
หมายความว่า LINE BK ไม่ได้เริ่มจากศูนย์แต่เริ่มจากฐานผู้ใช้ที่คุ้นเคยอยู่แล้วและไม่ต้องโหลดแอปใหม่ ไม่ต้องจำรหัสเพิ่มเพียงคลิกในหน้า LINE ก็สามารถ เปิดบัญชี – โอน – สแกน – ขอสินเชื่อ ได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน
เพราะอยู่ในที่ที่คนใช้ทุกวัน LINE BK เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ชีวิตประจำวันทางการเงิน’ ไปโดยธรรมชาติ ธนาคารที่ไม่ต้องมีสาขา แต่เข้าถึงได้จริง ทุกที่ ทุกเวลา
และเรายังศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งานจากไลฟ์สไตล์การตอบแชท ว่าช้าหรือเร็ว หรือเป็นคนดองเเชทไหม ลักษณะเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงบางอย่างได้ และมีการนำมาใช้ประเมินการกู้ด้วยในบางกรณี
[ เจาะตลาด ‘คนตัวเล็ก’ ที่ธนาคารเดิมมองข้าม ]
หนึ่งในภารกิจหลักของ LINE BK คือการช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทั่วถึงมากขึ้นต่างจากธนาคารดั้งเดิมที่เน้นลูกค้ารายได้ประจำ
LINE BK กลับเลือกเข้าใจและออกแบบบริการให้เหมาะกับกลุ่ม ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และแรงงานอิสระซึ่งมักถูกปฏิเสธสินเชื่อจากระบบเดิม บริษัทใช้ข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) เช่น พฤติกรรมการโอนเงิน การจ่ายบิล หรือการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
มาประเมินความสามารถในการชำระหนี้แทนเอกสารรายได้ทำให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับสินเชื่อจริง แม้ไม่มีสลิปเงินเดือนและนี่คือจุดต่างที่ทำให้ LINE BK เติบโตได้รวดเร็วเพราะเข้าใจว่า ‘การเข้าถึง’ คือหัวใจของความเท่าเทียมทางการเงิน
[ กำไรครั้งแรกในรอบ 5 ปี ]
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา LINE BK มีผู้ใช้งานรวมกว่า 8 ล้านรายในนั้นมีลูกค้าสินเชื่อกว่า 855,000 รายมียอดสินเชื่อคงค้างราว 25,000 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อเติบโตเฉลี่ย 20–30% ต่อปี ในช่วงตลอดสองปีหลังสุด
แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซา แต่อัตราหนี้เสีย (NPL) ยังถูกถูกคุมไว้ไม่เกิน 3% เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระบบหลังบ้านเทคโนโลยี AI และโครงสร้างดิจิทัลที่แข็งแรง จนในปี 2568 LINE BK เริ่มเห็นผลตอบแทนชัดเจนและประกาศ ‘มีกำไร’ เป็นครั้งแรก
[ จาก ‘Bank in Chat’ สู่ ‘Everyday Financial Partner’ ]
‘ธนา’ เล่าต่อว่า LINE BK ไม่ได้หยุดอยู่ที่การให้สินเชื่อหรือเปิดบัญชีเงินฝากเท่านั้นแต่ขยายสู่บริการครบวงจรที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ทั้ง การโอน สแกน จ่ายบิล บัตรเดบิต ประกันชีวิต และผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัว .
โดยแนวคิดหลักคือการเป็น Everyday Financial Partner หรือ ‘เพื่อนคู่คิดทางการเงินในทุกวัน’ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริหารเงินได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่กู้เงินได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
แต่ในปีหน้า 2569 ยังเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดการเงินไทยเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดทางให้ Virtual Bank รายใหม่เข้าสู่ระบบหลายรายตั้งเป้าจับตลาดเดียวกับ LINE BK คือกลุ่ม คนตัวเล็ก และลูกค้ารายย่อย การแข่งขันจะรุนแรงขึ้นแน่นอน
แต่ LINE BK ยังได้เปรียบจาก ฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ ข้อมูลเชิงลึก และความไว้วางใจ (Trust) ที่สั่งสมใน LINE ecosystem มานาน สิ่งเหล่านี้คือ ‘กำแพงธรรมชาติ’ ที่ผู้เล่นใหม่ต้องใช้เวลานานในการสร้าง
สำหรับก้าวต่อไป LINE BK วางกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ได้แก่
1.AI-Driven Finance – ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์และแนะนำบริการที่ตรงกับพฤติกรรมผู้ใช
2.Financial Inclusion for All – ขยายบริการให้ครอบคลุมกลุ่มแรงงานอิสระและต่างจังหวัดทั่วประเทศ
3.Sustainable Growth – เติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ ควบคุม NPL ต่ำ และส่งเสริมวินัยทางการเงินของลูกค้า
เมื่อธนาคารไม่จำเป็นต้องอยู่ในตึกอีกต่อไป ตลอด 5 ปีของ LINE BK คือภาพสะท้อนการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของระบบการเงินไทย จากธนาคารที่เคยอยู่ในสาขา สู่ธนาคารที่อยู่ในมือ ถือ อยู่ในแชท และอยู่ในทุกวันของชีวิตคนไทย
