วันที่ 14 ก.ค. 2564 นพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงผ่านระบบออนไลน์ โดยกล่าวว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีการพิจารณาและผ่านความเห็นชอบ 2 วาระ
วาระที่ 1 เห็นชอบและอนุมัติให้จัดหาวัคซีนอีก 120 ล้านโดส โดยให้จัดหาในรูปแบบวัคซีนกลุ่ม mRNA ไวรัลเวคเตอร์ โปรตีนซับยูนิต และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสม และตอบสนองกับไวรัสกลายพันธุ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพื่อให้เพียงพอฉีดกับประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึง และฉีดเพิ่มเติมกรณีกระตุ้นภูมิคุ้มกันรวมถึงต้องสำรองกรณีระบาด ซึ่งเป็นกรอบจัดหาวัคซีนปี 2565 นอกจากนี้ยังมีมติให้กรมควบคุมโรค และสถาบันวัคซีนแห่งชาติเร่งจัดหาวัคซีนปี 2564 ให้ได้ 100 ล้านโดสด้วย
วาระที่ 2 พิจารณาร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้มาตรา 18 พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ในการกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนป้องกันโควิดไปภายนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาผลกระทบและความเป็นไปได้ ซึ่งเห็นชอบในหลักการให้ออกประกาศนี้ มอบให้สถาบันวัคซีนฯ และกรมควบคุมโรค พิจารณาทบทวนเนื้อหาร่างประกาศ โดยพิจารณาผลกระทบ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก และให้ดำเนินการเจรจาเต็มที่กับผู้ผลิตวัคซีนให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับสถานการณ์การระบาดของโรคในประเทศ และเมื่อได้ผลอย่างไรให้กับมารายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาเห็นชอบร่างประกาศต่อไป
นพ.นคร ยังกล่าวอีกว่า การกำหนดสัดส่วนการส่งออกยังไม่มีการประกาศออกมา แต่เนื้อหาต้องพิจาณาทบทวนด้านต่างๆ ให้รอบคอบ การพิจารณาที่มีการเจรจากับผู้ผลิตนั้น เป็นข้อตกลงของสัดส่วนอยู่ที่ 1 ใน 3 ของการผลิตแต่ละช่วงเวลา แต่ทั้งหมดขอให้ไปดำเนินการพิจารณาและหารือกับบริษัทผู้ผลิตก่อน และส่งให้คณะกรรมการวัคซีนฯ พิจารณาอีกครั้ง
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ไม่มีการพิจารณาเรื่อง คำเตือนขององค์การอนามัยโลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำชับให้พิจารณาถึงการฉีดวัคซีน 2 เข็มต่างชนิดได้หรือไม่ แต่จะมีคณะกรรมการวิชาการพิจารณาอยู่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกประกาศเรื่องนี้ค่อนข้างยาว การไปตัดท่อนใดท่อนหนึ่งมาแปลความหมายก็จะเกิดปัญหาได้ แต่ภาพรวมหากหน่วยงานสาธารณสุข มีข้อมูลสนับสนุนก็สามารถดำเนินการได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ในแต่ละพื้นที่
