ประธานวิปฝ่ายค้าน เผย ส่อแวว ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในสมัยประชุมนี้ หลังรัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบที่ตัวเองจัดทำเต็มตัว
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า จากการหารือของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ได้พิจารณาไทม์ไลน์ของสภาผู้แทนราษฎร และการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติของวุฒิสภา ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
ขณะเดียวกันก็จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระ 2-3 ทำให้อาจจะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในสมัยประชุมนี้ ที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เม.ย. 67 ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายทั่วไปหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสจะมีน้อยมาก
“ต้องยอมรับว่ารัฐบาลเพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตัวเองเป็นคนจัดทำ และปลายเดือนพฤษภาคม จะมีงบประมาณปี 2568 คิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณที่ตัวเองใช้อำนาจเต็มอย่างไรบ้างและมีเวลา 1 ปี ในการจัดทำงบประมาณปี 2568 หน้าตาจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นทุกอย่างค่อนข้างจะชัดเจนมากขึ้นทั้งการดำเนินนโยบายว่าเป็นไปตามเสียงหรือไม่ เป็นไปตามยุทธศาสตร์หรือวิสัยทัศน์ ที่นายกรัฐมนตรีได้มอบไว้หรือไม่ รวมถึงการใช้งบประมาณที่จะตามมา การทุจริตคอร์รัปชั่นต่างๆ ที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมีประเด็นก็พร้อม อาจจะเป็น 1-2 วัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นงานใหญ่ เนื่องจากปัญหาในบางประเด็นสามารถใช้เวทีกระทู้ถามสดได้ ซึ่งหากจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจริงๆ คิดว่าประเด็นการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะต้องตรวจสอบ หากเป็นประเด็น อย่างอื่นเป็นประเด็นการเมืองและใช้โควตาก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เห็นตรงกันเกี่ยวกับการยื่นญัตติอภิปราย หากมีข้อมูลหนักแน่นก็พร้อมที่ แต่หากไม่มีข้อมูลก็รอก่อนได้
“ในส่วนของพรรคก้าวไกล มองว่าหากเปิดแล้วไม่มีคุณภาพไม่เปิดดีกว่า เราใช้วาระทั่วไปกระทู้สดที่มีอยู่แต่ละสัปดาห์ใช้ก็ได้ และจะใช้เมื่อเหมาะสมและมีเนื้อหาสาระ ที่เป็นประโยชน์จริง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามถึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่พรรคฝ่ายค้านไม่กล้าที่จะอภิปรายแตะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายปกรณ์วุฒิ ชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลเพิ่งจะตั้งกระทู้ถามและถามไป 2 รอบแล้ว ไม่ใช่เรื่องพรรคก้าวไกลใจดี หรือโอนอ่อนอะไร ตรวจสอบไปตามหน้าที่และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล แต่ต้องตั้งคำถามเรื่องของระบบ ระเบียบเป็นธรรมกับทุกคนหรือไม่ หรือจะใช้กับคนไม่กี่คน










