เปิดคำสั่ง นายกฯ สั่ง ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ช่วยราชการสำนักนายกฯ 60 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบ

เปิดคำสั่ง นายกฯ สั่ง ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ช่วยราชการสำนักนายกฯ 60 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบ

การเมือง

นายกฯ ‘เศรษฐา’ แจงเหตุผลโอน ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ มาช่วยราชการ สำนักนายกฯ 60 วัน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ยืนยัน มีหนังสือให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมิล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มาช่วยราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี

โดยสรุป นายเศรษฐา ระบุว่า ได้ออกหนังสือไป 2 ฉบับ ฉบับแรก ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ชั่วคราว เป็นเวลา 60 วัน และอีกฉบับ ให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. เป็น รักษาราชการแทน ผบ.ตร.

เนื่องจากมีประเด็นเรื่องการบริหารราชการ และคดีความต่างๆ จึงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า ด้วยความเป็นธรรม โดยไม่มีการแทรกแซง ยืนยันว่า ทั้ง 2 คน ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความสะดวก และดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ ไม่มีการก้าวก่ายในกระบวนการยุติธรรม

และเตรียมมีหนังสืออีกฉบับ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมย้ำว่า ไม่ได้การลงโทษ เงินเดือน และทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ทั้งนี้ จะมีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการ ขึ้นมา 3 คน เป็น ตำรวจ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และสำนักอัยการ มาพิจารณาทุกคดีที่มีการกล่าวโทษ ซึ่งกันและกัน

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ได้มีการแจ้งเรื่องดังกล่าวและพูดคุยกับทั้ง 2 คน เรียบร้อยแล้วว่า ควรต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงที่มาช่วยราชการ และ 2 คน รับปากว่าจะไม่พูดถึงประเด็นต่างๆ และสั่งไม่ให้ลูกน้องทั้ง 2 ฝ่ายพูดด้วยเช่นกัน และให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ไม่มีการแทรกแซง

นายกฯ ยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ และไม่ได้รู้สึกสบายใจที่ต้องทำเช่นนี้ เพียงแต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเดินหน้าดูแลประชาชนต่อไปได้ เชื่อว่า ทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หากคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว เห็นว่า กระบวนการยุติธรรมใช้เวลามากกว่า 60 วัน แต่หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ากระบวนการยุติธรรมสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องมีการก้าวก่ายแทรกแซงได้ ก็จะพิจารณาโอนย้ายกลับมา ก็ขอเวลาให้ได้ทำงาน ซึ่งจะพิจารณาทุกคดีที่มีการกล่าวโทษซึ่งกันและกัน

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า เมื่อได้แจ้งไปยังทั้ง 2 คน ก็เป็นธรรมดาที่มีความกังวลใจ และมีความไม่สบายใจ แต่ก็ยอมรับด้วยดี และเมื่อได้แจ้งรายชื่อคณะกรรมการทั้ง 3 คนไป ก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะเป็นคนกลาง

นายกฯ ยืนยัน ตนไม่ได้มีธงว่าจะต้องตัดสินออกมาเป็นอย่างไร การที่คู่ขัดแย้งมาช่วยราชการก่อน ทุกคนก็จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ และเพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีชื่อเสียงที่ดีกลับคืนมาได้

“ก็มีความลำบากใจและไม่สบายใจที่ต้องทำเช่นนี้เแต่ก็ถึงเวลาแล้วที่ต้องนำคู่ขัดแย้งออกจากระบบและให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปได้ ปราศจากการแทรกแซง เชื่อว่าทุกคนเข้าใจ” นายเศรษฐา กล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในพรุ่งนี้ (21 มี.ค. 67) จะเรียกประชุม รักษาราชการแทน ผบ.ตร., รอง ผบ.ตร., ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้บัญชาการตำรวจภาค เพื่อชี้แจงนโยบาย แต่ไม่จำเป็นต้องชี้แจงในเรื่องนี้ เพราะตนพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุด และสื่อมวลชนก็คงช่วยเป็นกระบอกเสียง

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า หวังว่าทั้ง 2 คนน่าจะสบายใจว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้ไม่มีการกล่าวหาว่า มีแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

“การทำเช่นนี้เป็นการปกป้องทั้ง 2 คน และไม่ใช่การลงโทษ และยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองคน เพราะการนำออกจากตำแหน่งที่มีอำนาจ ทำให้เมื่อตรวจสอบแล้วปราศจากมลทินและกลับมาได้อย่างสง่างาม” นายกฯ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ กอดเอวหย่าศึก ก่อนถูกนายกฯ สั่งเด้งเข้ากรุทั้งคู่

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง