ORI เสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 ชุด ดอกเบี้ย 4.25-4.85% ต่อปี ซื้อที่ดินผุดโครงการใหม่

ORI เสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 ชุด ดอกเบี้ย 4.25-4.85% ต่อปี ซื้อที่ดินผุดโครงการใหม่

การเงิน

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2 รุ่นแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน อายุ 1 ปี 7 เดือน 16 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขาย 11-12 และ 15 ม.ค. นี้ ผ่าน 7 สถาบันการเงิน ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB+/Stable จากทริสเรทติ้ง ตั้งเป้านำไปใช้ซื้อที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ และใช้หมุนเวียนในกิจการปีนี้

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) และ/หรือลงทุนสถาบัน โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายครั้งนี้มี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี 7 เดือน 16 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการของบริษัทต่อไปในปี 2567

หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด เสนอขายระหว่างวันที่ 11-12 และ 15 ม.ค. 2567 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมีแผนเสนอขายวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการจากนักลงทุนในกรณีที่มีผู้ลงทุนแสดงความสนใจเข้ามามากกว่าที่บริษัทตั้งเป้าไว้

ขณะเดียวกัน หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 66 ที่ระดับ BBB+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 กลุ่มบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวม (Presale) ได้ประมาณ 36,937 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 26% แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 77% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 23% ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 มูลค่ารวมประมาณ 47,024 ล้านบาท โดยเป็นยอดจากทั้งโครงการที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) และโครงการภายใต้กิจการร่วมค้า (JV) ที่จะทยอยรับรู้ในปี 2566 จำนวนประมาณ 10,699 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เกิดขึ้นแล้วใน 9 เดือนสะสมในปี 2566 จะส่งผลให้กลุ่มบริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์รออยู่ 88% ของเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2566 จำนวน 30,000 ล้านบาท บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2566 จะสามารถเป็นไปตามเป้าหมายได้

TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง