‘จุลพันธ์’ วอนหยุดด้อยค่าจัดอีเวนต์ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ชี้เป็นความฝัน-ความเชื่อ-เป้าหมายของรัฐบาลนี้ เดินหน้าสร้างรายได้ใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงถึงการดำเนินการโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ในประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (4 ม.ค. 67) เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
โดยสรุป นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ข้อสงสัยเรื่องคำนิยามซอฟต์พาวเวอร์เป็นเรื่องสุดท้ายที่รัฐบาลจะเป็นห่วง คำนิยามอาจมีความแตกต่างกันไปตามความเข้าใจแต่ละบุคคล แต่เป้าหมายหลักไม่ใช่เรื่องนิยาม แต่เป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชน ไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องหมูกระทะ เล่นสงกรานต์ วัวชน เพราะเราสามารถปรับเปลี่ยนประยุกต์ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด
ส่วนเรื่องงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์นั้น มีการบรรจุอยู่เกือบ 10,000 ล้านบาท ในเล่มงบประมาณ กระจายทั้งทางตรงและทางอ้อม
นอกจากนี้ที่มีการวิจารณ์ว่าเป็นการจัดอีเวนต์ใช่หรือไม่ ไม่อยากให้เกิดการด้อยค่าในสิ่งที่เรียกว่าอีเวนต์นัก แน่นอนว่ามีการจัดกิจกรรมเกิดขึ้นจริงในหลายจุดแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังมีเรื่องการอบรม พัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้ประชาชน
ขณะที่ทั่วโลกแย่งกัน พยายามหาจุดแข็งในอัตลักษณ์ตัวเองนำมาขายดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ซึ่งประเทศไทยหยิบ ‘สงกรานต์’ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้ประเทศ และด้วยโครงสร้างกิจกรรม และคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นโยบายและงบประมาณที่จัดสรรลงไปถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับการเสนอแนะความเห็นจากเอกชนโดยตรง ที่อยากเห็นรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณไปทำกิจกรรมใดให้เกิดเม็ดเงินแก่ประเทศและประชาชน จะเป็นมิติใหม่แห่งการใช้เงินให้ตรงความต้องการภาคเอกชน และประชาชนแต่ละพื้นที่
“มันเป็นทั้งความฝัน มันเป็นความเชื่อ และมันก็เป็นเป้าหมายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ในการที่จะเดินหน้าในเรื่องของ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่เราจะเดินหน้าเพื่อให้สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ให้ได้มากที่สุด เป้าหมายที่เราเคยวางไว้ 20 ล้านครัวเรือน รายได้ราว 2 แสนบาทต่อปีต่อครัวเรือน ยังเป็นเป้าหมายที่เราจะต้องพยายามเดินไปให้ถึงในระยะ 4 ปีข้างหน้า อันนี้เป็นความฝัน ความเชื่อ และเป็นเป้าหมายของพวกเรา แน่นอนว่าหลายท่านอาจจะเป็นห่วงว่าทำไมเป้าหมายสูงขนาดนั้น แต่เราเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย รัฐบาลเชื่อมั่นในศักยภาพ และความสามารถของคนไทยทุกคน เราเชื่อว่าเราสามารถสร้างเม็ดเงินใหม่ๆ เพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ได้ตามที่เราคาดหวัง ด้วยงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และด้วยกลไกของพี่น้องประชาชนที่เข้ามาให้ความร่วมมือกับนโยบายนี้” รมช.คลัง กล่าว











