ยะลา-สงขลา-สตูล พบผู้ติดเชื้อ ‘ไข้มาลาเรียโนวไซ’ ที่แพร่จากลิงสู่คนแล้ว 46 ราย สธ.เตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง นักท่องเที่ยว อย่าให้ยุงก้นปล่องกัด
วันที่ 11 พ.ค. 2565 นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เตือนประชาชนในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 12 ไข้มาลาเรียชนิดโนวไซ ซึ่งเป็นโรคที่สามารถแพร่เชื้อจากลิงสู่คนโดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ ขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสลิงในป่า และมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่นและเหงื่อออกมากรีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาเชื้อและรักษาได้อย่างทันท่วงที หากล่าช้า อาจจะมีอาการแทรกซ้อนเป็นอันตรายและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ ข้อมูลในพื้นที่เขต 12 มีรายงานผู้ป่วยเป็นไข้มาลาเรียชนิดโนวไซ แล้วตั้งแต่เดือน ต.ค.2564 – พ.ค.2565 จำนวน 46 คน พบมากสุดที่ จ.ยะลา 22 คน สงขลา 19 คน และสตูล 5 คน
• ทั่วประเทศติด ‘ไข้มาลาเรียโนวไซ’ แล้ว 70 ราย
ก่อนหน้านี้นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ออกมาระบุว่า ไข้มาลาโนวไซเป็นโรคที่ติดต่อจากลิงสู่คน โดยยุงก้นปล่องกัดลิงที่มีเชื้อแล้วมากัดคน ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่า ยุงสามารถนำเชื้อจากคนสู่คนได้ ลิงที่เป็นสัตว์รังโรคในไทย ได้แก่ ลิงกัง ลิงวอก ลิงเสน ลิงแสม และลิงอ้ายเงี๊ยะ
สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยไข้มาลาโนวไซ ครั้งแรกเมื่อปี 2547 จากนั้นพบปีละประมาณ 10 รายมาตลอด ในปีงบประมาณ 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 – 31 มี.ค. 2565 พบผู้ป่วยไข้มาลาเรียโนวไซแล้ว 70 ราย จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ระนอง สงขลา และ ตราด
ดังนั้น ขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือทำงานในป่า นักท่องเที่ยว ควรป้องกันตนเองไม่ให้ยุงกัด โดยสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด ทายากันยุง และนอนในมุ้ง
ทั้งนี้ กองโรคติดต่อนำโดยแมลงได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ระนอง และ สงขลา สอบสวนโรคผู้ป่วยไข้มาลาเรียโนวไซที่พบเพิ่มมากขึ้นอย่างละเอียด เพื่อวางแผนป้องกันควบคุมโรค รวมทั้งจะประสานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อสำรวจและควบคุมโรคในลิงที่เป็นรังโรค ขอให้หน่วยงานสาธารณสุขและผู้นำชุมชนร่วมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากโรคไข้มาลาเรียชนิดนี้










