‘ปฏิรูปตำรวจ’ ไม่ใช่ประเด็นที่เพิ่งถูกพูดถึงในช่วงนี้ แต่นี่เป็นหนึ่งในแผน “ปฏิรูปประเทศ” ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งเป้าทำมาตลอดตั้งแต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนมาถึงระบบรัฐสภา แต่ดูเหมือนกฎหมายเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นเพียงร่าง แต่ยังไม่เป็นรูป
อย่างไรก็ตามกว่าจะเดินทางมาถึงร่างนี้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ถูกร่างใหม่หลายรอบ เพื่อหาแนวทางปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และมีการส่งร่างให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทบทวนรายละเอียดด้วย

เมื่อรัฐธรรมนูญปี 60 ระบุในมาตรา 258 ง. (4) ให้เร่งดำเนินการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมภายใน 1 ปี ได้มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) โดยมี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย เป็นประธาน และได้ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ขึ้นมาฉบับหนึ่ง
“ร่างบุญสร้าง” : ให้นายกฯ มีหน้าที่กำหนดนโยบาย แต่ให้ ผบ.ตร. มีอำนาจเลื่อน ลด ปลด ย้าย และมีการโอนถ่ายภารกิจให้อิสระบริหารงบประมาณ
หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีได้รับหลักการในร่างฉบับดังกล่าว แต่ต่อมาได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่างฯ ขึ้นมาโดยมี นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ซึ่ง พล.อ.บุญสร้าง เป็นคณะกรรมการด้วย ซึ่งชุดนี้ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ขึ้นใหม่
“ร่างมีชัย” : ให้มีการเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ตร. ปรับสัดส่วนให้หลากหลายขึ้น มีผู้บังคับบัญชาเฉพาะสำหรับสายงานสอบสวน
นอกจากร่างของคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะส่งให้ ครม. พิจารณาแล้ว ยังได้ส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบและแก้ไขด้วย แต่ไม่ทันได้ส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา จนหลังการเลือกตั้งปี 2562 ได้เปลี่ยนเป็นระบบรัฐสภา
22 ส.ค. 2562 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตั้งให้ มีชัย เป็นคณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งขาติ ต่อมาในวันที่ 15 ก.ย. 2563 และ 19 ม.ค. 2564 ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ที่สตช.เสนอ และได้ส่งต่อให้รัฐสภา
“ร่างตำรวจ” : ปรับเกณฑ์แต่งตั้งโยกย้าย เน้นอาวุโสและความพึงพอใจในบริการที่ประชาชนได้รับ ยกเลิก ก.ต.ช. รวมทั้งแบ่งส่วนราชการ กระจายลงไปจนถึงโรงพัก เดิมแบ่งเป็น สตช.กับ กองบัญชาการ

ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ หลังรัฐสภารับหลักการในวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส. พลังประชารัฐ ประธานกมธ. ระบุว่าขณะนี้ กมธ.พิจารณาแล้วเพียง 14 มาตราจาก 172 มาตรา สาเหตุที่ล่าช้าเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดย “ร่างตำรวจ” ที่ผ่านเข้าสภานี้ มีข้อครหาว่าถูก “แปลงสาร” หลังวงการตำรวจได้ทบทวนตรวจสอบ และความกังวลหลายอย่างว่าร่างดังกล่าวอาจไม่ทำให้ “ตั๋วตำรวจ” หมดไป อาจมีการแทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง รวมทั้งยังคงเปิดช่องให้ผู้บังคับบัญชาใช้อาวุธหรือกำลังบังคับได้ถ้าจำเป็นต้องรักษาวินัย ซึ่งอาจไม่ตรงกับเจตนารมณ์ในการ “ปฏิรูปตำรวจ” ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
แต่ทั้งหมดนี้ต้องติดตามการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ และมติในวาระ 2-3 ของรัฐสภาต่อไป










