ประธานกกต. แจงปมคำร้องยุบ พรรคก้าวไกล อยู่ระหว่างศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีล้มล้างการปกครอง ของบ 1,800 ล้าน เลือก สว. ชุดใหม่
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีข้อวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต. อาจจะเป็นเครื่องมือทางการเมืองจากกรณียุบพรรคการเมืองว่า กกต.ไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่สามารถห้ามใครคิดแบบนั้นได้ กฎหมายพูดเสมอว่า ให้กกต.มีหน้าที่อะไรบ้าง ถ้าบทบาทเป็นอย่างไร กกต. ก็ต้องทำ คงไม่ได้เป็นเครื่องมืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าที่ผ่านมา กกต. มักจะยื่นยุบพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล โดยครั้งนี้คือพรรคก้าวไกล นายอิทธิพร กล่าวว่า การยุบพรรคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงปรากฏ เราไม่ได้ดูชื่อพรรค ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่า พรรคการเมืองใดทำอะไรอย่างไร แล้วเรื่องมาถึงอำนาจหน้าที่ของ กกต. เราก็ทำตามนั้น ที่ผ่านมาเราพยายามทำตามกฎหมาย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงานโดยแท้
เมื่อถามว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว กกต.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายอิทธิพร กล่าวว่า นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏที่ทราบกันทั่วไป แต่เนื่องจากศาลวินิจฉัย วันที่ 31 ม.ค. 67 ต่อมาวันที่ 1-2 ก.พ. 67 มีคนมายื่นร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ส่งเรื่องยุบพรรคก้าวไกล และวันที่ 6 ก.พ. 67 สำนักงาน กกต. เสนอเรื่องตามกระบวนการ การทำงานปกติให้ กกต.ทราบว่า มีเรื่องนี้ กกต. ก็ขอให้สำนักงานและนายทะเบียนพรรคการเมือง ไปศึกษาคำวินิจฉัยศาลเท่าที่มีอยู่ในวันอ่าน และศึกษาว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ตามอำนาจหน้าที่ที่มี
และวันที่ 13 ก.พ. 67 ก็มีการเสนอเรื่องมาว่า อยู่ระหว่างการศึกษา อย่างไรก็ตามเพื่อความรอบคอบ เพื่อความเป็นธรรมและชัดเจน อาจจะให้ศึกษาคำวินิจฉัยกลาง ซึ่งตามแนวทางการทำงานทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่า จะเป็นภายในวันนี้ สัปดาห์นี้ แต่ไม่ช้าไปกว่านี้แน่ เมื่อ กกต. มีข้อมูล เอกสารครบถ้วน ก็จะวินิจฉัยตามนั้น ส่วนจะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการศึกษาคำวินิจฉัยของศาล หลักฐานและดูว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เขียนชัด ในตามมาตรา 92 และ 93
เมื่อถามว่าหากยื่นยุบพรรคตามกฎหมาย ต้องอิงตั้งแต่กรรมการบริหารพรรคชุดเก่าที่เคยเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดขนาดนั้น เพราะยังมีกระบวนการทำงาน คือ ศึกษาคำวินิจฉัยให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนและสำนักงาน กกต. มีความเห็นเป็นอย่างไร จะเสนอ กกต. ใช้อำนาจหน้าที่อย่างไร ทั้งนี้ไม่มีกรอบเวลาชัดเจน แต่เรื่องนี้ต้องทำโดยไม่ชักช้า เพราะมีคำวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้ว แต่กระบวนการทำงานหากทำละเอียดครบถ้วนได้ก็จะเป็นประโยชน์
เมื่อถามว่า มีคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ยังต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า อาจจะมีกระบวนการภายใต้กรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้ง ขณะนี้เราทำคู่ขนานกันไประหว่างสำนักงานเสนอความเห็นว่า เรื่องนี้มีหลักฐานอันควรเชื่อแล้วหรือยัง ซึ่งก็ต้องไปดูว่าเรื่องนี้จะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไร ก็ทำพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นถ้าจะเรียกก็อาจเรียกในกรอบของคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง
[ของบ 1,800 ล้านบาท เตรียมเลือก สว. ชุดใหม่]
ประธาน กตต. ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเลือกวุฒิสภา (สว.) หลังจากชุดปัจจุบันจะหมดวาระในวันที่ 11 พ.ค. นี้ ว่า มีการของบประมาณไปแล้วประมาณ 1,800 ล้านบาท และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจัดประชุมผู้อำนวยการจังหวัดทั่วประเทศ ออกระเบียบการเลือก สว. ประกาศราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว และขอให้ทุกภาคส่วนที่เป็นทีม กกต. ศึกษาและเตรียมการทำงาน
เมื่อถามถึงการตรวจสอบคำร้องการเลือกตั้ง สส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 นายอิทธิพร กล่าวว่า มีคำร้องเข้ามา 373 เรื่อง พิจารณาแล้วเสร็จไปเยอะ เหลืออยู่ 35 เรื่อง ตามระเบียบกกต. ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งยังมีเวลาอีก 3 เดือนก็จะพยายามทำให้เสร็จ ตอนนี้เริ่มตรวจสอบคำวินิจฉัย ที่ออกมาแล้ว ยืนยันว่า ไม่ช้า
ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
ภาพจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง










