‘ภูมิธรรม’ เผย อยู่ระหว่างทาบทาม คณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ รับอยากคุยกับ ‘วิษณุ’
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า จะพูดคุยกันภายใน 1 -2 สัปดาห์ เพื่อตั้งคณะกรรมการให้เรียบร้อย ขณะนี้ได้ทาบทาม บุคคลเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการแล้ว คือ

นายเอกชัย ไชยนุวัฒน์ รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

น.ส.สิริวรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายนิกร จำนงค์ ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา
นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องพูดคุยในรายละเอียด เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมเกิดความสบายใจ เพราะอยากให้มีการพูดคุยที่มีบทบาท และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทาบทาม นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กับนายวิษณุยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุย เพราะเป็นผู้รู้ เป็นคนที่เชี่ยวชาญในกฎหมายมากพอสมควร รวมถึงทั้งหลายท่านที่เคยมีบทบาท เพื่อจะได้เอาความคิดเห็นหรือหากยังไม่มีโอกาสคุยเวลาที่มีประชุม ก็สามารถปรึกษาหารือกันได้
เมื่อถามว่า จะเชิญคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 60 มาร่วมด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตนยินดีต้อนรับทุกคน แต่ต้องคุยกันในรายละเอียดและกรอบแนวทางว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ได้ทาบทามตัวแทนพรรคก้าวไกลเข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ตนพยายามเชิญมาร่วมให้มากที่สุด แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องปริมาณจำนวนคน เมื่อลิสต์รายชื่อ ก็เกิน 30 คน ใหญ่มากเกินไปก็ทำงานลำบาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วม พบปะพูดคุยแสดงความคิดเห็น รวมถึงภาคประชาชน เช่น iLaw (ไอลอว์)
เมื่อถามถึงงบประมาณในการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การทำประชามติตีความตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประมาณ 3-4 ครั้ง จะใช้งบประมาณครั้งละประมาณ 3-4 พันล้านบาท แต่ตนคิดว่ าอยู่ในแนวทางที่พูดคุยกันให้ชัดเจน ต้องอาศัยความคิดเห็นจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว พยายามจะให้การทำประชามติน้อยครั้งที่สุด สามารถควบรวมได้ก็จะทำ โดยยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ และหากสามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากทำครบ 3-4 ครั้ง ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะใช้งบประมาณสูงถึงหมื่นล้านบาท
นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า หลังจากแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายลูกประกอบแล้ว ภายใน 3-4 ปี ถ้าจบได้ และจะให้ทันการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมีขึ้น
เมื่อถามว่า เมื่อกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญจบจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า เดี๋ยวดูรายละเอียดแต่คิดว่าเราจะพยายามให้เข้าสู่กระบวนการปกติให้เร็วที่สุด ซึ่งขอให้คุยกับคณะกรรมการก่อน ถ้าตอบตอนนี้จะเป็นความเห็นของตนคนเดียว
เมื่อถามว่า มองเรื่องมาตรฐานจริยธรรม ที่ลงโทษ น.ส. พรรณิการ์ วานิช ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เป็นประชาธิปไตยเราทำได้หมด เว้นการแก้ไขในหมวด 1 และ 2 ในแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องดูว่า เจตจำนงค์ที่จะควบคุมดูแลนักการเมืองและผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องไปดูว่าไปละเมิดและมีความเที่ยงตรง ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียด
เมื่อถามว่า ที่มีการวิจารณ์ว่ามาตรฐานจริยธรรมที่ออก โดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มาบังคับใช้กับ สส. อาจจะไม่ถูกหลัก หรือกรณีที่ศาลตัดสินว่าไม่ผิดแต่กลับผิดหลักจริยธรรม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายกรณี แต่การอิงศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่อะไรที่เป็นปัญหามากเกินไป คนในกลุ่มวิชาชีพที่เราเชิญมาหรือรับฟังมา ก็จะเป็นคนให้ความเห็นเองว่า เรื่องไหนโอเคหรือเรื่องไหนต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไร ตนคิดว่า หากระดมความคิดเห็นได้กว้างขึ้น รัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหา เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ และผ่านให้ได้ และตนคิดว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยในลำดับใด มันก็จะทำให้โอกาสและบรรยากาศของประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น










