ฝ่ายค้าน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ฟัน ‘ศักดิ์สยาม’ ซ้ำ กล่าวหาแรง ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ปมถือหุ้นบริษัทที่ได้สัมปทานรัฐ

ภาพจาก FB : ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ รวบรวมรายชื่อ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร จากทุกพรรคฝ่ายค้าน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยังคงเป็นผู้ถือหุ้น และเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น หลังจากเคยยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ในคำร้องมาตรา 170 และมาตรา 82 ที่มีผลให้นายศักดิ์สยาม ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 66
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มาตรา 144 เป็นเรื่องที่ ส.ส., ส.ว.,กรรมาธิการ ห้ามกระทำการใดๆ ที่ทำให้ตนเองได้ผลประโยชน์จากงบประมาณโดยตรงหรือโดยอ้อม เมื่อผนวกกับความเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่และรับสัมปทานของกระทรวงคมนาคม ซึ่งฝ่ายค้านเคยยื่นคำร้องมาตรา 144 ต่อประธานสภาฯ ตั้งแต่เดือน ม.ค.ให้ตรวจสอบใน 3 มาตรา
แต่ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ตีความว่า ความผิดตามมาตรา 144 ไม่อยู่อำนาจประธานสภาฯ ที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นจึงได้แยกคำร้องเป็น 2 ฉบับ และวันนี้ได้มายื่นเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของคำร้องแรก โดยเรื่องที่ร้องก่อนหน้านี้นายศักดิ์สยาม ได้ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว ส่วนคำร้องวันนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวด้วยว่า อยากฝากว่าคำร้องก่อนหน้านี้จะมีผลสืบเนื่อง คือในรัฐธรรมนูญระบุว่า คุณสมบัติของรัฐมนตรีจะต้องไม่เคยถูกถอดถอน หรือวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติในเวลา 2 ปี นั่นหมายความว่าถ้าศาลวินิจฉัยว่านายศักดิ์สยามขาดคุณสมบัติ แปลว่านายศักดิ์สยามจะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้อีก 2 ปี ดังนั้นเชื่อว่า ศาลต้องมีคำวินิจฉัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่านายศักดิ์สยามจะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ก็ตาม ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นบรรทัดฐานว่าลาออกจากตำแหน่ง เพื่อหนีการตรวจสอบได้ และทำให้ไม่ขาดคุณสมบัติ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ภาพจาก พรรคประชาชาติ
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กรณีที่นำมายื่นในวันนี้คือการพิจารณางบประมาณปีงบประมาณ 2564 ซึ่งนายศักดิ์สยาม เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2564 และในการพิจารณานายศักดิ์สยาม ก็โหวตรับงบประมาณในวาระ 1-3 ด้วย สิ่งที่พบคือการเป็น ส.ส. หรือกรรมาธิการของนายศักดิ์สยามนั้น มีบางส่วนที่ทำให้ได้ไปซึ่งการใช้งบประมาณที่พิจารณาในครั้งดังกล่าวรวมกว่า 372 สัญญา โดยสัญญาหนึ่งก็คือ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 38 สัญญา เป็นเงิน 600 ล้านบาท และมีสัญญาอื่นกับกลุ่มบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทยรวม 300 สัญญา เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 4,000 ล้านบาท
โดยวันนี้เรียกร้อง 2 ข้อคือ 1.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการพิจารณางบประมาณ และการเป็นกรรมาธิการ การเป็นผู้เสนองบประมาณ รวมทั้งการกระทำอื่นใดนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญปราบโกงหรือไม่ และ 2. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเงินในส่วนดังกล่าวคืน 4,000 กว่าล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย
ภาพปก : ประชาสัมพันธ์ กระทรวงคมนาคม










