‘เศรษฐา’ ย้ำมั่นใจตั้ง ผบ. ตร. ไม่ลุแก่อำนาจ ทำตามรัฐธรรมนูญ ไม่ตอบตั้งทีมทนายสู้หรือไม่ หลัง ‘เสรีพิศุทธ์’ ยื่นฟ้องป.ป.ช.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 โดยนายเศรษฐา ระบุมั่นใจว่า ไม่ได้ลุอำนาจและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะตั้งทีมทนายความขึ้นมาสู้คดีหรือไม่

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ด้านข้อกฎหมาย การแต่งตั้ง ผบ. ตร. เป็นไปตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ มาตรา 77 และมาตรา 78 โดยสาระสําคัญของตัวกฎหมายระบุว่า ผู้ที่จะเป็น แคนดิเดต ในการได้รับการเสนอชื่อหรือการแต่งตั้งให้เป็น ผบ.ตร. นั้น จะต้องเป็น รอง ผบ.ตร. หรือเป็นจเรตำรวจ ซึ่งในรอบวาระวันที่ 27 กันยายน 2566 มีผู้ที่เข้าคุณสมบัตินี้อยู่ คือ รอง ผบ.ตร. 4 ท่าน ในส่วนจเรตำรวจแห่งชาติ มีการเกษียณอายุราชการ ดังนั้นจึงเหลือ 4 ท่าน
ขณะที่ กฎหมายในมาตรา 77 และมาตรา 78 ได้ระบุว่า เกณฑ์ในการคัดเลือกนั้น ให้ยึดถือทั้งอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน ซึ่งมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ก่อนหน้าปี 2565 นั้น ให้ยึดถืออาวุโสเป็นหลัก และได้มาแก้ให้พิจารณาเรื่องความรู้ความสามารถด้วย โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อ และที่ประชุม กตร. ลงมติโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ซึ่งปรากฏว่าในวันนั้น ผู้ได้รับการเสนอชื่อและที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 9 เสียง ต่อ 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง โดยทำให้ พล.ต.อ.เอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับเลือกเป็น ผบ.ตร.
ด้านข้อเท็จจริง จาก แคนดิเดต ทั้ง 4 ท่าน ในแง่อาวุโส คนทั่วไปจะเข้าใจว่า แคนดิเดต ทั้ง 4 อันดับมีอาวุโสเรียงตามกัน ซึ่งไม่ใช่ โดยตามข้อเท็จจริง อาวุโสมีสองระดับ คือ 1 กับ 2-4 ซึ่ง 1 คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ซึ่งอาวุโสที่สุดมากกว่าอีก 3 ท่านหนึ่งปี ขณะที่อันดับรองลงมา ทั้ง 3 ท่าน มีอาวุโสเท่ากัน ขึ้นรอง ผบ. ตร. พร้อมกัน ในปีเดียวกัน
นอกจากนี้ ในเรื่องความรู้ความสามารถ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั้น นายกรัฐมนตรีได้เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นของคณะกรรมการ กตร. ในแง่ของมุมมองว่า ความรู้ความสามารถของ แคนดิเดต แต่ละท่านนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลาพอสมควร เรียกว่าแทบจะทุกคนได้แสดงความคิดเห็น ร่วมด้วย ผบ.ตร. (พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ในขณะนั้น ในฐานที่ผู้บังคับบัญชาของ แคนดิเดต ทั้ง 4 ได้เป็นผู้นำเสนอและประเมินแต่ละท่านด้วย
ดังนั้น ได้ฟังการประเมินความรู้ความสามารถอย่างรอบด้าน ซึ่งเมื่อประเมินแล้วเห็นว่า ความแตกต่างเรื่องอาวุโส ต่างกันเพียงแค่ปีเดียว แต่เรื่องของความรู้ความสามารถที่ได้ฟังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจสะท้อนออกมา นายกรัฐมนตรีจึงได้ตัดสินใจเสนอชื่อพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ ซึ่งที่ประชุมจากที่ได้ฟังการอภิปรายได้ฟังข้อมูลรอบด้าน เห็นชอบกับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี 9 ต่อ 1 เสียง
“ทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงตามตัวบทกฎหมาย ถูกต้องตามหลักการทุกประการ และข้อเท็จจริงมีความชอบธรรม สมเหตุสมผล ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ลุแก่อํานาจ ท่านยึดตามหลักกฎหมายและได้ฟังอย่างรอบด้านแล้ว ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น ก็จะชี้แจงตามข้อเท็จจริง ถ้าต้องไปชี้แจงที่ไหนก็สามารถชี้แจงได้ ไม่ใช่เพียงตัวท่านนายกรัฐมนตรี ผู้ที่อยู่ในที่ประชุม ผู้ที่นั่งฟังอยู่เขารู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ซึ่งสามารถชี้แจงได้ทุกคน” นายชัย กล่าว
‘ทนายอนันต์ชัย’ จับมือ ‘เสรีพิศุทธ์’ ฟ้องนายกฯ-ก.ตร. ปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนที่ 14










